
รายงานล่าสุดจากกองทุนประชากรแห่งสหประชาชาติ (UNFPA) เผยว่า วิกฤตภาวะเจริญพันธุ์ที่กำลังส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกนั้น แท้จริงแล้วไม่ได้มีสาเหตุมาจากอัตราการเกิดที่สูงหรือต่ำเกินไป แต่เป็นเพราะผู้คนถูกปฏิเสธสิทธิในการตัดสินใจเกี่ยวกับร่างกาย อนาคต และครอบครัวของตนเอง
ข้อความข้างต้นคือสาระสำคัญจากรายงานสถานการณ์ประชากรโลกประจำปี 2568 ของ UNFPA ซึ่งเปิดตัวในงานประชุมระดับรัฐมนตรีเอเชียและแปซิฟิกว่าด้วยการทะเบียนราษฎรและสถิติชีพ ครั้งที่ 3 (Third Asia and the Pacific Ministerial Conference on Civil Registration and Vital Statistics) ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. ที่ผ่านมา
รายงานดังกล่าวซึ่งมีชื่อว่า “วิกฤตภาวะเจริญพันธุ์ที่แท้จริง: การแสวงหาสิทธิในการตัดสินใจด้านอนามัยเจริญพันธุ์ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไป” ระบุว่า เราไม่สามารถสรุปเอาเองว่าอัตราการเกิดสะท้อนความต้องการของผู้คนเสมอไป เมื่อหลายคนยังคงถูกจำกัดด้วยความไม่เท่าเทียมทางเพศ แรงกดดันทางเศรษฐกิจ หรือการขาดการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพ ข้อมูล และบริการต่าง ๆ “อัตราการเจริญพันธุ์อาจผันผวน แต่สิทธิสากลในเสรีภาพการเจริญพันธุ์จะต้องคงที่” รายงานเน้นย้ำ
นายปิโอ สมิท ผู้อำนวยการ UNFPA ประจำภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่วิกฤตของการเกิด ‘มากไป’ หรือ ‘น้อยไป’ แต่มันคือวิกฤตที่ผู้คนถูกปฏิเสธทางเลือก”
อุปสรรคที่ขัดขวางการตัดสินใจด้านการเจริญพันธุ์
รายงานฉบับนี้ยังพบว่า ความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น ราคาที่อยู่อาศัยที่ไม่อาจเอื้อมถึง และภาระการดูแลที่ไม่ได้ค่าตอบแทน กำลังเป็นอุปสรรคต่อการมีบุตรตามจำนวนที่ต้องการ แม้แต่ในประเทศที่มีบริการสุขภาพที่เข้าถึงได้ ในทางตรงกันข้าม การแต่งงานก่อนวัยอันควร การขาดการเข้าถึงการคุมกำเนิด และการตีตราทางสังคม ยังคงเป็นสาเหตุสำคัญของการตั้งครรภ์โดยไม่ตั้งใจทั่วเอเชียและแปซิฟิก
UNFPA ยังเตือนถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของประชากรที่เรียบง่ายเกินไปและเป็นการบังคับ เช่น การให้เงินโบนัสสำหรับทารกแรกเกิด และการกำหนดเป้าหมายการเจริญพันธุ์ โดยชี้ว่ามาตรการเหล่านี้ไม่เพียงไร้ประสิทธิภาพ แต่ยังละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย เพราะเป็นการปฏิเสธสิทธิส่วนบุคคลและสิทธิของคู่รักในการมีเสรีภาพและทางเลือกในการเจริญพันธุ์
รายงานระบุด้วยว่า ความไม่เท่าเทียมทางเพศยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อความเป็นอิสระในการเจริญพันธุ์ ผู้หญิงมักถูกผลักดันออกจากตลาดแรงงานเนื่องจากความรับผิดชอบในการดูแลเลี้ยงดูบุตร ในขณะที่ผู้ชายต้องเผชิญกับการตีตราเมื่อรับบทบาทหน้าที่ในการเลี้ยงดูบุตร
แนวทางแก้ไข
UNFPA เสนอแนะว่า รัฐบาลควรมุ่งเน้นแนวทางแก้ปัญหาที่อิงตามสิทธิ ด้วยการ:
– ลงทุนในที่อยู่อาศัยราคาประหยัด งานที่มีค่าตอบแทนเหมาะสม และการลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร
– ขยายการเข้าถึงบริการสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ครบวงจรและข้อมูลที่ถูกต้อง
– เสนอทางเลือกที่ดีขึ้นสำหรับการเป็นพ่อแม่ให้กับคนโสดและกลุ่มคนที่ถูกเลือกปฏิบัติ รวมถึงผู้พิการและบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQIA+)
– แก้ไขข้อจำกัดในที่ทำงานและทัศนคติเหมารวมทางเพศ
นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีการผสมผสานมาตรการทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้คนสามารถเริ่มต้นหรือขยายครอบครัวตามที่ต้องการ โดยทางหน่วยงานพร้อมให้การสนับสนุนประเทศต่าง ๆ ทั่วเอเชียและแปซิฟิกที่กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรที่ซับซ้อน ด้วยข้อมูลเชิงประจักษ์ ความเชี่ยวชาญทางเทคนิค และความมุ่งมั่นร่วมกันในการทำให้สิทธิและทางเลือกของทุกคนเป็นจริง
ทั้งนี้ UNFPA เป็นหน่วยงานหน่วยงานด้านสุขภาพทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ของสหประชาชาติ ช่วยให้ผู้คนได้รับยาคุมกำเนิด บริการและข้อมูลด้านสุขภาพทางเจริญพันธุ์ที่ช่วยชีวิตและส่งเสริมให้ผู้หญิงและเด็กหญิงตัดสินใจอย่างมีข้อมูลเกี่ยวกับร่างกายและชีวิตของตนเอง นอกจากนี้ยังช่วยให้ประเทศต่าง ๆ ใช้ข้อมูลประชากรเพื่อทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์จากโอกาสที่มาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงทางประชากรได้ดียิ่งขึ้น
สำหรับรายงานสถานการณ์ประชากรโลกเป็นรายงานประจำปีที่สำคัญของ UNFPA ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่มาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2521 โดยจะเน้นประเด็นที่เกิดขึ้นใหม่ในด้านสุขภาพและสิทธิทางเพศและอนามัยการเจริญพันธุ์ นำประเด็นเหล่านี้เข้าสู่กระแสหลัก และสำรวจความท้าทายและโอกาสต่อการพัฒนาระหว่างประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 มิ.ย. 68)