จีนเชื่ออัตราดอกเบี้ยในประเทศไม่พุ่งพรวด แม้บอนด์ยีลด์สหรัฐดีดตัวขึ้น

หนังสือพิมพ์ไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัลซึ่งเป็นสื่อของรัฐบาลจีนรายงานในวันนี้ว่า อัตราดอกเบี้ยในตลาด (Market Interest Rate) ของจีนไม่มีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในระยะใกล้นี้ แม้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐดีดตัวขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมาก็ตาม

บทบรรณาธิการของไชน่า ซิเคียวริตีส์ เจอร์นัลระบุว่า ที่ผ่านมานั้น พันธบัตรของจีนไม่ได้อ่อนไหวตามทิศทางของพันธบัตรสหรัฐ เนื่องจากวงจรเศรษฐกิจของจีนและสหรัฐมีความแตกต่างกัน พร้อมระบุว่า อัตราดอกเบี้ยประเภทต่างๆ ของจีนได้ปรับตัวรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงนโยบายเศรษฐกิจมหภาคไปแล้วในช่วงก่อนหน้านี้

สื่อของรัฐบาลจีนยังระบุด้วยว่า การปรับตัวขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในตลาดจีนในขณะนี้เป็นไปในกรอบที่จำกัด เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักทั้ง 2 ประเภท ซึ่งได้แก่อัตราดอกเบี้ยในการดำเนินการทางตลาด (Open Market Operations: OMO) และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของโครงการเงินกู้ระยะกลาง (MLF) ยังคงมีเสถียรภาพ และยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเพิ่มขึ้นในระยะใกล้

การแสดงความเห็นของสื่อรัฐบาลจีนมีขึ้นในขณะที่ตลาดการเงินทั่วโลกกำลังวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีที่ดีดตัวสู่ระดับ 1.47% เมื่อคืนนี้ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นทั่วโลก

ทั้งนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีถือเป็นพันธบัตรที่ใช้อ้างอิงในการกำหนดราคาของตราสารหนี้ทั่วโลก ซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนอง และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รถยนต์ของสหรัฐ ซึ่งหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวขึ้น จะทำให้ผู้บริโภคมีเงินสำหรับการใช้จ่ายลดน้อยลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น และบริษัทต่างๆจะเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นจากการชำระหนี้ ซึ่งจะทำให้บริษัทเหล่านี้ลดการลงทุน และลดการจ่ายเงินปันผลแก่นักลงทุน

ส่วนเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา นายเกา ชู่ฉิง ประธานคณะกรรมการฝ่ายกำกับดูแลด้านการธนาคารและการประกันของจีน (CBIRC) ได้แสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากภาวะฟองสบู่ในตลาดการเงินทั่วโลก และตลาดอสังหาริมทรัพย์ของจีน

นายเกากล่าวว่า ตลาดการเงินในสหรัฐและยุโรปอาจเผชิญกับภาวะฟองสบู่แตก เนื่องจากการพุ่งขึ้นของตลาดเหล่านี้กำลังอยู่ในทิศทางตรงกันข้ามกับภาวะเศรษฐกิจที่แท้จริง และมีแนวโน้มว่า ตลาดจะเผชิญกับการปรับฐานในไม่ช้านี้