ดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งเกือบ 200 จุด เก็งข่าวดีกลุ่มแบงก์วันนี้

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นเกือบ 200 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ท่ามกลางคาดการณ์ในเชิงบวกต่อการประกาศผลทดสอบภาวะวิกฤต (Stress Test) ประจำปีของภาคธนาคารสหรัฐในวันนี้

ณ เวลา 19.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 182 จุด หรือ 0.54% สู่ระดับ 33,941 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ปิดลบ 0.21% เมื่อคืนนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านใหม่ที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี

ถึงแม้ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงวานนี้ แต่ก็ยังคงพุ่งขึ้นมากกว่า 1% นับตั้งแต่ต้นสัปดาห์นี้ จากการที่นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ให้คำมั่นว่าเฟดจะไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

หุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้นในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทวันนี้ ท่ามกลางคาดการณ์ในเชิงบวกต่อการประกาศผลทดสอบ Stress Test ประจำปีของภาคธนาคารสหรัฐในวันนี้

ทั้งนี้ เฟดจะเปิดเผยผลทดสอบ Stress Test หลังจากปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารส่วนใหญ่หรือทั้งหมดจะผ่านการทดสอบ Stress Test ดังกล่าว หลังจากที่เฟดได้ออกมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินครั้งใหญ่เข้าสู่ระบบในปีที่แล้วเพื่อพยุงภาคการเงินให้ผ่านพ้นวิกฤตการณ์โควิด-19

นางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ แสดงความเชื่อมั่นว่า ธนาคารพาณิชย์ของสหรัฐมีสถานะแข็งแกร่งเพียงพอที่จะได้รับอนุญาตให้จ่ายเงินปันผลและซื้อหุ้นคืนได้ ท่ามกลางความเชื่อมั่นที่ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

เฟดระบุก่อนหน้านี้ว่า ธนาคารที่ผ่านการทดสอบ Stress Test จะสามารถกลับมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในระดับปกติ และกลับมาซื้อคืนหุ้นได้อีกครั้งตั้งแต่วันที่ 30 มิ.ย. แต่หากธนาคารแห่งใดไม่ผ่านการทดสอบ ก็จะต้องรอจนถึงวันที่ 30 ก.ย. และอาจจะเผชิญกับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น

ทั้งนี้ การทดสอบ Stress Test ของเฟดครอบคลุมถึงการประเมินว่า มีความปลอดภัยหรือไม่ที่ธนาคารต่างๆ จะดำเนินการตามแผนการใช้จ่ายเงินทุน ซึ่งรวมถึงการจ่ายเงินปันผล และการใช้จ่ายอื่นๆ นอกเหนือจากการตั้งสำรองหนี้เสีย โดยการทดสอบดังกล่าวได้รับการออกแบบขึ้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินภาษีของประชาชนมาอุ้มธนาคารต่างๆ เหมือนในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2550-2552

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาตัวเลขเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทน, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2564, รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคล, ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) และความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน