สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 64)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 29.98 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวจากช่วงเช้า ที่เปิดตลาดที่ระดับ 29.96 บาท/ดอลลาร์ วันนี้เงินบาทค่อนข้างทรงตัว การทำ new high ของแต่ละวันเริ่มลงลึกไปเรื่อยๆ โดยนักลงทุนรอดูปัจจัยผลประชุมธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) คืนนี้ ซึ่งเชื่อว่าคงจะส่งสัญญาณในการใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่องไปก่อน เพราะสถานการณ์การระบาด ของไวรัสโควิด-19 ในทั่วโลกยังเป็นปัจจัยที่ท้าทายต่อเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ นักบริหารเงินคาดว่า พรุ่งนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 29.70 - 30.10 บาท/ดอลลาร์ * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 103.79 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 103.62 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2123 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.2164 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,498.13 จุด ลดลง 14.70 จุด (-0.97%) มูลค่าการซื้อขาย 78,818 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 4,830.82 ลบ.(SET+MAI) - ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือน ธ.ค.อยู่ที่ระดับ 96.53 หดตัว -2.44 % เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ แต่คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานในการควบคุมการระบาด เนื่องจากระบบการ สาธารณสุขของไทยมีความสามารถในการป้องกันและควบคุมโรคได้ดี ประชาชนเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ในเบื้องต้น รวมทั้งผู้ ประกอบการมีระบบการจัดการแก้ปัญหาจากโควิด-19 รอบแรก ขณะที่ MPI ทั้งปี 63 หดตัว -8.8% - ยอดรวมการจัดตั้งธุรกิจใหม่ในปี 63 มีทั้งสิ้น 63,340 ราย ลดลง 8,145 ราย หรือลดลง 11% เมื่อเทียบกับปี 62 ที่มี จำนวน 71,485 ราย ซึ่งอยู่ในเป้าหมายที่กรมได้ประเมินไว้ว่าทั้งปี 63 จะมียอดตั้งใหม่อยู่ที่ 63,000-64,000 ราย เพราะได้รับผล กระทบจากโควิด-19 ทำให้มีการล็อกดาวน์ช่วงเดือนมี.ค.-ก.ค.63 ผู้ประกอบการจึงชะลอทำธุรกิจ สำหรับในปี 2564 กรมฯ ตั้งเป้าหมายจดทะเบียนตั้งธุรกิจใหม่ที่ 64,000-66,000 ราย เพราะหลายฝ่ายประเมินเศรษฐกิจ ไทยในปีนี้จะขยายตัวเพิ่มขึ้น ทำให้มีการลงทุนทำธุรกิจมากขึ้น - ผู้อำนวยการวิจัย ด้านการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวว่า แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 64 ยังไม่ฟื้นตัวกลับมาดีขึ้นมามากนัก โดยคาดว่าจะเติบโตได้เล็กน้อยราว 2-3% แต่ยังมีความเสี่ยงของการ แพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ที่เข้ามากดดันเศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปีนี้ แม้ว่าภาครัฐจะไม่ได้ประกาศล็อกดาวน์มากเท่าปีที่แล้ว แต่ก็ส่ง ผลให้ประชาชนเกิดความกังวล และกิจกรรมเศรษฐกิจในบางพื้นที่ต้องหยุดชะงักไป ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อในประเทศลดลง - ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) แถลงต่อรัฐสภาญี่ปุ่นว่า การซื้อกองทุน ETF (exchange-traded funds) ของ BOJ จะไม่ทำให้ปัจจัยพื้นฐานในตลาดการเงินบิดเบือน และจะไม่ทับซ้อนกับโครงการซื้อสินทรัพย์ที่ BOJ ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ พร้อมระบุ ว่า กองทุน ETF ที่ BOJ ถือครองอยู่ได้สร้างผลกำไรประมาณ 12-13 ล้านล้านเยน (1.16 -1.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่อง จากราคาหุ้นในตลาดโตเกียวพุ่งขึ้นในช่วงที่ผ่านมา - ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเยอรมนีอยู่ที่ระดับ -15.6 ในเดือนก.พ. ลดลงจากระดับ -7.5 ในเดือนม.ค. นับเป็นการลด ลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน เป็นเพราะการใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดมากขึ้น เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่ง ส่งผลให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น - อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นของจีนพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.976% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบกว่า 21 เดือนในวันนี้ โดยการ พุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นส่งผลให้ตลาดหุ้นจีนร่วงลงอย่างหนัก เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ธนาคารกลางจีนอาจจะเริ่มหันไปใช้ นโยบายคุมเข้มด้านการเงินเพื่อสกัดการพุ่งขึ้นของราคาหุ้น และตลาดอสังหาริมทรัพย์