ก.พลังงาน เผยยอดใช้น้ำมันปี 63 วูบ 12.5% หลังโควิดระบาดทำเดินทางลดลง

น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยต่อวันของปี 2563 (มกราคม – ธันวาคม) ลดลง 12.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยกลุ่มเบนซินลดลง 1.5% กลุ่มดีเซลลดลง 2.9% น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) ลดลง 62.3% น้ำมันเตาลดลง 11.2% น้ำมันก๊าดลดลง 14.4% LPG ลดลง 13.7% และ NGV ลดลง 28.3% โดยสาเหตุสำคัญมาจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้มีการ Lockdown ในช่วงไตรมาสที่ 2 ประกอบกับมาตรการจำกัดการเดินทางเข้าประเทศในปี 2563

สำหรับการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.7 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากปีก่อน 1.5% โดยความต้องการใช้ลดลงมากในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2563 และเริ่มกลับมาอยู่ในระดับปกติอีกครั้งตั้งแต่เดือนมิถุนายนหลังการคลาย Lockdown และมีความต้องการใช้รถส่วนตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางโดยรถสาธารณะ อย่างไรก็ตาม การแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ตั้งแต่เดือนธันวาคม ส่งผลให้การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินในเดือนธันวาคมอยู่ที่ 33.8 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนเพียง 0.4% (ปี2562 และ 2561 ความต้องการใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 2.5% และ 4.8% ตามลำดับ)

สำหรับการใช้น้ำมันเบนซิน ลดลงมาอยู่ที่ 0.8 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 16.6%) กลุ่มแก๊สโซฮอล์ปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 30.9 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 1.0%) เมื่อพิจารณาแยกชนิดน้ำมัน พบว่า แก๊สโซฮอล์ อี85 ปริมาณการใช้ลดลงมากที่สุด อยู่ที่ 0.9 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 30.2%) รองลงมาเป็นแก๊สโซฮอล์ 91 ปริมาณการใช้อยู่ที่ 8.2 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 14.0%) ในขณะที่แก๊สโซฮอล์อี 20 ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.5 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้น 0.3%)และแก๊สโซฮอล์ 95 ปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 15.3 ล้านลิตร/วัน (เพิ่มขึ้น 10.0%)

ขณะที่การใช้น้ำมันกลุ่มดีเซล เฉลี่ยอยู่ที่ 65.4 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากปีก่อน 2.9% โดยเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปีและปลายปี 2563 สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี7 มีปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 43.8 ล้านลิตร/วัน (ลดลง 26.8%) น้ำมันดีเซลหมุนเร็วธรรมดา ซึ่งเริ่มจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม 2562 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 16.2 ล้านลิตร/วัน และน้ำมันดีเซลหมุนเร็ว บี 20 มีปริมาณการใช้อยู่ที่ 3.5 ล้านลิตร/วัน เนื่องจากนโยบายส่งเสริมของภาครัฐ

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 7.3 ล้านลิตร/วัน ลดลงจากปีก่อน 62.3% เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มมีการแพร่ระบาดตั้งแต่ต้นปี 2563 และมาตรการจำกัดการเดินทางในช่วงไตรมาสที่ 2 ส่งผลให้การใช้น้ำมัน Jet A1 ลดลงไปอยู่ที่ 2.2 ล้านลิตร/วัน และแม้ว่าปริมาณการใช้จะขยับขึ้นมาอยู่ที่ 3.6-5.6 ล้านลิตร/วัน ในช่วงครึ่งปีหลัง แต่การแพร่ระบาดในเดือนธันวาคมส่งผลให้การเดินทางท่องเที่ยวไม่ขยายตัว ปริมาณการใช้ Jet A1 ในเดือนธันวาคม อยู่ที่ 5.6 ล้านลิตร/วัน ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 0.2% เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน (ปี 2562 และ 2561 ความต้องการใช้ในเดือนธันวาคมเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายน 3.1% และ 4.3% ตามลำดับ)

ส่วนการใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 15.4 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 13.7% โดยปริมาณการใช้ในภาคขนส่งลดลงมากที่สุด โดยมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 2.0 ล้านกก./วัน (ลดลง 27.1%) รองลงมาเป็นภาคปิโตรเคมี ซึ่งมีปริมาณการใช้อยู่ที่ 6.1 ล้านกก./วัน (ลดลง 17.4%) ถัดมาเป็นภาคอุตสาหกรรม มีปริมาณการใช้ลดลงมาอยู่ที่ 1.7 ล้านกก./วัน (ลดลง 7.4%) และภาคครัวเรือนมีปริมาณการใช้ลดลงน้อยที่สุด โดยการใช้ อยู่ที่ 5.6 ล้านกก./วัน (ลดลง 4.5%)

ด้านการใช้ NGV เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 3.9 ล้านกก./วัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 28.3% สอดคล้องกับจำนวนรถ NGV ที่ลดลง

น.ส.นันธิกา กล่าวถึงการนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิงปี 2563 เฉลี่ยอยู่ที่ 882,398 บาร์เรล/วัน ลดลงเมื่อเทียบกับปี 2562 (ลดลง 8.0%) โดยการนำเข้าน้ำมันดิบลดลงมาอยู่ที่ 845,113 บาร์เรล/วัน (ลดลง 1.1%) คิดเป็นมูลค่า 37,221 ล้านบาท/เดือน ในขณะที่การนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG) ลดลงมาอยู่ที่ 37,285 บาร์เรล/วัน (ลดลง 64.2%) คิดเป็นมูลค่านำเข้ารวม 1,710 ล้านบาท/เดือน

ส่วนการส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน น้ำมันก๊าด และ LPG โดยปริมาณส่งออกเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 185,962 บาร์เรล/วัน (เพิ่มขึ้น 12.4%) ทดแทนอุปสงค์ในประเทศที่ลดลง คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 8,334 ล้านบาท/เดือน (ลดลง 24.9%) โดยมูลค่าลดลงสวนทางกับปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาน้ำมัน

ที่ลดลงมาก