(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งกรอบจำกัด หลังไร้ปัจจัยใหม่/จับตาตัวเลขส่งออกไทย

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบจำกัด เนื่องจากไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา ขณะเดียวกันต่างก็รอดูการทำงานของนายโจ ไบเดน หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ซึ่งก็ยังมีความคาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ

ส่วนบ้านเราผลประกอบการของกลุ่มแบงก์ออกมาแย่กว่าที่คาด แต่ก็มองเป็นจุดต่ำที่ทำให้มีโอกาสที่จะฟื้นตัวขึ้นได้ในปีนี้ และสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศก็ถือว่าดีขึ้น ทำให้นำไปสู่การผ่อนคลายการคุมเข้มการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวในแดนลบเล็กน้อย น่าจะมาจากแรงขายทำกำไรหลังวานนี้ปรับขึ้นไปมาก พร้อมให้ติดตามตัวเลขการส่งออกเดือนธ.ค.63 ของไทยในวันนี้ และติดตามดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และภาคบริการของทั่วโลกที่จะทยอยออกมา

พร้อมให้แนวรับ 1,510-1,500 จุด ส่วนแนวต้าน 1,530 จุด


ประเด็นพิจารณาการลงทุน

- ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (21 ม.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,176.01 จุด ลดลง 12.37 จุด (-0.04%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,853.07 จุด เพิ่มขึ้น 1.22 จุด (+0.03%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,530.91 จุด เพิ่มขึ้น 73.67 จุด (+0.55%)

- ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 4.72 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 176.66 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 118.53 จุด

- ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (21 ม.ค.) 1,513.51 จุด ลดลง 2.21 จุด (-0.15%)

- นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 155.47 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 ม.ค.64

- ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน มี.ค. ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (21 ม.ค.) ปิดที่ 53.13 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 18 เซนต์ หรือ 0.3%

- ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (21 ม.ค.) อยู่ที่ 1.16 ดอลลาร์/บาร์เรล

- เงินบาทเปิด 29.94 แข็งค่าเล็กน้อยหลังดอลล์อ่อน นักลงทุนขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

- กทม.ไฟเขียวสั่งคลายล็อก 13 กิจการ ให้กลับมาเปิดได้ ส่วน 13 กิจการที่เหลือยังต้องรอ ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ใหม่ทั่วประเทศ 142 ราย เข้าตรวจรักษาโรงพยาบาลมากกว่าค้นเชิงรุก เผยมาตรการผ่อนปรนเพิ่มเติม "สธ.-ศบค.ชุดเล็ก" เสนอ ศบค.ใหญ่ ก่อนสิ้นเดือน ชี้อัตราป่วยตายรอบใหม่ต่ำกว่ารอบแรก 10 เท่า ขณะที่ อย.ขึ้นทะเบียนวัคซีนแอสตร้าฯ ล็อตผลิตในอิตาลี ย้ำคุณภาพ-ความปลอดภัย

- แบงก์ชาติชี้โควิด-19 ระบาดรอบใหม่ ฉุดเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าคาดลากยาวเป็นปลายปี 2565 เผยแรงงานอ่วมหนักกระทบ 4.7 ล้านคน "อาคม" มั่นใจปีนี้จีดีพีโต 4-5% เตรียมปรับโครงสร้างมุ่งเศรฐกิจดิจิทัล อุตสาหกรรมสีเขียว และเพิ่มงบประมาณดูแลสุขภาพรองรับโรคระบาด

- เปิดกำไรแบงก์ 8 แห่งปี 63 กำไรดิ่ง 24.7% หลังตั้งสำรองพุ่ง 1.65 แสนล้านบาท เพื่อรองรับผลกระทบโควิดนำโดย SCB สำรองพุ่ง 28.8% ด้านโบรกชี้ กสิกรไทย ผลงานออกมาดีเกินคาดดันหุ้นบวก คาดผลงานแบงก์ปี 64 พลิกฟื้นคาดกำไรสุทธิพุ่งแตะ 1.5 แสนล้าน โต 8.5%

- กบร.ไฟเขียวมาตรการช่วยเหลือสายการบิน ยืด-ลดค่าธรรมเนียมเข้า-ออก เป็น 90 วัน คาดเตรียมเสนอ ครม.เคาะในเร็วๆ นี้

- ภาครัฐและเอกชนขานรับ "โจไบเดน" ขึ้นประธานาธิบดีสหรัฐฯ ชี้ไทยได้ประโยชน์ทั้งการค้าและการลงทุน ความตึงเครียดจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีนจะลดลงเศรษฐกิจโลกจะกลับมาดีขึ้น ขณะที่พาณิชย์มองส่งออกไทยรับอานิสงส์จากมาตรการสหรัฐฯ อัดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ ส.อ.ท.มองไทยถูกหวยทั้งการค้าการลงทุน ด้านกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ชี้ต้องระวังนโยบายสิ่งแวดล้อม อาจทำให้สินค้าหลายกลุ่มได้รับผลกระทบ


*หุ้นเด่นวันนี้

- DCC (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ"เป้า 3.10 บาท แนวโน้มกำไร Q4/63 คาดอ่อนตัว Q-Q จากปัจจัยฤดูกาล แต่โตเร่งขึ้น Y-Y ผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างกระเบื้องแผ่นใหญ่ที่ขายดีและมี Margin สูง ทำให้ทั้งปี 2563 คาดมีกำไร +61% Y-Y ทำ New High ทั้งนี้โมเมนตัมกำไร Q1/64 จะดีต่อเนื่องจาก High Season โดยเบื้องต้นคาดโตอีกเล็กน้อย +2% Y-Y นอกจากนี้ DCC ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่นคือเงินปันผลที่ให้ Yield สูงถึง 6.5% ต่อปี

- CHG (กรุงศรี) "ซื้อ"เป้า IAA Consensus 3 บาท เก็งกำไร อย.ให้ขึ้นทะเบียนวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 และภาครัฐเตรียมให้โรงพยาบาลเอกชนนำเข้าวัคซีนได้ ด้านผลประกอบการคาดกำไร Q4/63 โตแรง qoq เพราะไม่มีการกลับรายการจากประกันสังคม มีรายได้จาก ASQ มากขึ้น

- BBL (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 130 บาท ตลาดหลักทรัพย์เตรียมปรับเกณฑ์ Free Float ซึ่งจะทำให้ผลกระทบของหุ้นธนาคารต่อ SET Index เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ BBL (ก่อนหน้า ราคาเปลี่ยนแปลง 1% มีผลต่อดัชนีฯ +/-0.21 จุด แต่การคำนวณแบบใหม่ จะมีผลถึง +/-0.47 จุด คือเพิ่มขึ้น 124% ; ใช้ราคาปิด 19 ม.ค.) ทั้งนี้ปรับกลยุทธ์โดยเริ่มนำหุ้นกลุ่ม Big cap เข้าพอร์ตเพราะมองการปรับฐานในช่วงสั้นใกล้จบรอบ ขณะที่ภาพระยะกลางของ SET เป็นขาขึ้น พร้อมประเมินกำไรสุทธิใน ปี 2564-2565 ที่ 2.29 หมื่นล้านบาท และ 2.3 หมื่นล้านบาท เติบโต +33.7%YoY, +0.9%YoY ตามลำดับ