BGRIM ปักธงปีนี้รุกหนักโซลาร์รูฟท็อปทั้งในปท.-ตปท.หลังกวาดงานแล้ว 115 MW

นายฮาราลด์ ลิงค์ ประธาน บี.กริม และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บี.กริม เพาเวอร์ (BGRIM) เปิดเผยว่า นโยบายในปี 64 จะเดินหน้าขยายการลงทุนธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปอย่างเต็มที่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมผ่านการพัฒนาพลังงานสะอาด และด้วยรูปแบบความต้องการใช้พลังงานที่เปลี่ยนแปลงไปส่งผลให้องค์กรต่างๆ โดยเฉพาะองค์กรระหว่างประเทศ มีนโยบายลดการสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระยะยาว BGRIM มุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนและร่วมมือกับองค์กรเหล่านี้ซึ่งมีจำนวนมากทั่วโลก เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาด เพื่อร่วมกันลดภาวะโลกร้อนและดูแลสิ่งแวดล้อมด้วยกันอย่างยั่งยืน

BGRIM เข้าสู่ธุรกิจนี้มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2558 ถือว่ามีความพร้อมอย่างมาก สามารถขยายฐานลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในประเทศไทย รวมถึงการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ปัจจุบัน ได้เข้าไปติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป แล้วใน 3 ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม โอมาน และฟิลิปปินส์ และมีแผนขยายตลาดเพิ่มเติมอีกในปีนี้

ปัจจุบันมีการเซ็นสัญญาติดตั้งโซลาร์ รูฟท็อป ทั้งสิ้น 115 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นที่ดำเนินการก่อสร้างเสร็จแล้ว 26 โครงการ รวมกำลังการผลิต 12 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 18 โครงการ รวม 103 เมกะวัตต์ อาทิ เช่น ไอคอนสยาม, สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, โรงพยาบาลชุมชน ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการทำสัญญาอีก 9 โครงการ รวม 24 เมกะวัตต์ และยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างการนำเสนอให้กับองค์กร และหน่วยงานต่างๆ อีกเป็นจำนวนมาก

ทั้งนี้ การรุกธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปยังช่วยให้ BGRIM สามารถเข้าถึงลูกค้าได้หลากหลายขึ้น ทำให้ไม่มีข้อจำกัดในการเข้าเสนอโมเดลของธุรกิจให้กับลูกค้านอกนิคมอุตสาหกรรม

"การมีโซลาร์รูฟท็อป ทำให้เราสามารถเข้าไปเสนอโมเดลธุรกิจ และจับมือเป็นพันธมิตรกับลูกค้านอกเขตนิคมอุตสาหกรรมได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น โดยโมเดลธุรกิจของ บี.กริม ไม่ได้มุ่งกำไรเป็นที่ตั้ง เป้าหมายของบริษัทในการเข้าสู่ธุรกิจนี้ เป็นการมุ่งตอบโจทย์สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการสร้างพันธมิตรกับลูกค้าในระยะยาว" นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าวว่า อีกหัวใจสำคัญในการเข้าสู่ธุรกิจนี้ คือ ระบบการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งเป็นระบบที่ต้องมีการบำรุงรักษาในระยะยาว ทำให้สัญญาส่วนใหญ่ที่ทำกับลูกค้าจึงเป็นสัญญาระยะยาว 15-25 ปี ดังนั้น รูปแบบในการดำเนินธุรกิจนี้จึงเป็นการสร้างพันธมิตรระยะยาว ระหว่าง บี.กริม เพาเวอร์ กับลูกค้าในการร่วมสร้างพลังงานสะอาดไปพร้อมกัน รวมถึงสร้างประโยชน์ที่ต่อเนื่องจากธุรกิจไปสู่สังคม สะท้อนวิสัยทัศน์การดำเนินธุรกิจเพื่อ "สร้างพลังให้กับสังคมโลกด้วยความโอบอ้อมอารี"หรือ "Empowering the World Compassionately" ของ BGRIM อย่างเด่นชัด

"วันนี้ โซลาร์ รูฟท็อป ทำให้เราสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้มากขึ้นว่าการดำเนินธุรกิจด้วยความโอบอ้อมอารี มีความหมายมากขนาดไหน" นายฮาราลด์ ลิงค์ กล่าว

ด้านนายพีรเดช พัฒนจันทร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ฝ่ายกฎหมายและพัฒนาธุรกิจ BGRIM กล่าวว่า จากการที่องค์กรต่างๆ หันมาใช้พลังงานทดแทนเพิ่มขึ้น ผสมผสานกับระบบที่ทันสมัยของโรงไฟฟ้าแบบพลังความร้อนร่วม (combined cycle cogeneration) ซึ่งยังมีความจำเป็นเพราะเป็นระบบที่มีเสถียรภาพกว่า ทำให้เกิดเทรนด์การใช้พลังงานที่ผสมผสาน หรือ hybrid power plant ซึ่งถือเป็นข้อได้เปรียบของ BGRIM เนื่องจากบริษัทเป็นผู้ประกอบการด้านพลังงานที่ครบถ้วนและทันสมัยที่สุด ทั้งเป็นผู้นำด้านโรงไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมกระจายอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมที่มีความทันสมัยทั่วภูมิภาค และด้านพลังงานทดแทนมีโรงไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้

"การขยายขอบเขตธุรกิจพลังงานทดแทนครอบคลุมโซลาร์รูฟท็อปและโซลาร์ ลอยน้ำ ทำให้ บี.กริม เพาเวอร์ สามารถเสนอรูปแบบการจำหน่าย ดูแล และบำรุงรักษา ระบบไฟฟ้าให้กับลูกค้าได้อย่างครบวงจร และมีประสิทธิภาพ สามารถตอบโจทย์ทางด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างครบถ้วนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นหัวใจของธุรกิจโซลาร์รูฟท็อปที่ ที่ บี.กริม เพาเวอร์ เข้ามาดำเนินการในทุกวันนี้" นายพีรเดช กล่าว