ภาวะตลาดเงินบาท: ปิด 30.80/81 อ่อนค่าจากช่วงเช้า หลังตัวเลขศก.-บอนด์ยีลด์สหรัฐหนุนดอลล์แข็ง

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ระดับ 30.80/81 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากช่วง
เช้าที่เปิดตลาดที่ระดับ 30.50/54 บาท/ดอลลาร์ โดยเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 4 เดือนนับตั้งแต่พ.ย.63
          เงินบาทปรับตัวอ่อนค่าจากช่วงเช้าค่อนข้างมาก จากผลของดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังจาก
ที่ตัวเลขเศรษฐกิจออกมาดีกว่าที่คาด ทำให้ตลาดมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะกลับมาฟื้นตัวได้มากขึ้น และยังหนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตร
สหรัฐปรับขึ้นอีก จึงเป็นแรงหนุนสำคัญให้ดอลลาร์แข็งค่า
          "ทิศทางของดอลลาร์ ถ้ายังเป็นบวกต่อเนื่องแบบนี้ ก็น่าจะยังแข็งค่าได้ต่อ ต้องจับตาประชุมเฟดสัปดาห์หน้า ว่าจะมี
แนวทางหรือออกมาให้ comment อย่างไร ทั้งในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย และทิศทางเศรษฐกิจ" นักบริหารเงินระบุ
          นักบริหารเงิน คาดว่า ระยะนี้เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่า พรุ่งนี้ให้กรอบที่ 30.60 - 31.00 บาท/ดอลลาร์
          
          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 108.50 เยน/ดอลลาร์ จากช่วงเช้าที่ระดับ 108.30/50 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1870 ดอลลาร์/ยูโร จากช่วงเช้าที่ระดับ 1.1915 ดอลลาร์/ยูโร
          - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,543.76 จุด ลดลง 0.35 จุด (-0.02%) มูลค่าการซื้อขาย 108,474 ล้านบาท
          - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติขายสุทธิ 53.98 ลบ.(SET+MAI)
          - ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คงประมาณการอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) ของไทยในปี 64 ไว้ที่ 2.6% แต่ปรับ
กรอบประมาณการมาที่ 0.8-3.0% จากเดิม 0-4.5% สะท้อนความเสี่ยงขาลงต่อเศรษฐกิจที่ลดลง ตามความคืบหน้าอย่างมากของการ
กระจายวัคซีน และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในเศรษฐกิจหลัก ส่วนการปรับลดกรอบบน สะท้อนภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
ไทยในภาพรวมที่ยังต้องใช้เวลา และช้ากว่าเศรษฐกิจโลก เนื่องจากไทยพึ่งพารายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติสูง
          - รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติว่า ประเทศไทยอยู่
ระหว่างการพิจารณาแนวทางการลดวันกักตัวผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ หลังจากทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนไปแล้วถึงราว 250 ล้านเข็ม ทำ
ให้เริ่มมีภูมิคุ้มกันเกิดขึ้นในคนจำนวนมาก คาดว่าประเทศไทยจะดำเนินการได้ภายในเดือน เม.ย.64 โดยจะเสนอ ให้ศูนย์บริหาร
สถานการณ์โควิด -19(ศบค.) พิจารณาต่อไป
          - ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อฯ มีมติเห็นชอบเกี่ยวกับเอกสารรับรองการได้รับวัคซีนโควิด-19  โดยผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ
แล้วจะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีนจากสถานพยาบาล โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หากประสงค์ที่จะเดินทางไปต่างประเทศให้นำใบรับรองการฉีด
วัคซีนไปขอรับวัคซีนพาสปอร์ต หรือ สมุดเล่มเหลือง 
          - ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 15 มี.ค.นี้ จะมีการประชุมศูนย์บริหาร
สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ชุดใหญ่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก
รัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการ ศบค.เป็นประธาน ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำให้ทาง ศบค.ชุดเล็ก ไปเตรียมเสนอมาตรการผ่อนคลายให้
เพิ่มมากขึ้น
          - โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมเปิดตัวโครงการ "SME คนละครึ่ง" ซึ่งจะเป็นมาตรการช่วย
เหลือผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มเติม ในลักษณะร่วมกันจ่ายกับ SME (Co-payment) มีสัดส่วนตั้งแต่ 50-80% สำหรับค่าใช้จ่ายในการขอ
ทดสอบผลิตภัณฑ์ จดทะเบียนหรือขอใบรับรองมาตรฐานต่างๆ และการปรึกษาทางธุรกิจ
          - ประธานรัฐสภา กล่าวภายหลังประชุมวิป 3 ฝ่ายเพื่อหารือแนวทางการเปิดประชุมสมัยวิสามัญรัฐสภาเพื่อลงมติให้ความเห็น
ชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในวาระ 3 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นควรให้เปิดการประชุมรัฐสภาในวันที่ 17-18 มี.ค.64 และคาดว่าจะใช้
เวลาลงมติประมาณ 3-4 ชั่วโมง  
          - พรรคร่วมฝ่ายค้าน เตรียมยื่นร้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาล ถอด
ถอน 7 รัฐมนตรี ภายหลังเสร็จสินการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.
กลาโหม, พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รอง
นายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์, นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต รมว.ศึกษาธิการ, นายนิพนธ์ บุญ
ญามณี รมช.มหาดไทย ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จในเดือนมี.ค.นี้
          - รองผู้อำนวยการคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน (NDRC) เปิดเผยในวันนี้ว่า การที่จีนตัดสินใจที่จะ
ไม่กำหนดเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจในระยะ 5 ปีนั้น จะช่วยให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายกำหนดนโยบายของจีนมี
เวลามากขึ้นในการทบทวนเกี่ยวกับความไม่แน่นอนและตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ที่เปลี่ยนแปลงไป
          - ธนาคารกลางจีน ได้อัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านหยวน (1.54 พันล้านดอลลาร์) ผ่านทางข้อตกลง reverse repos ประเภท
อายุ 7 วันในวันนี้ และกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 2.2% โดยมีเป้าหมายที่จะรักษาสภาพคล่องในระบบธนาคารให้เพียงพอ