หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้ารีบาวด์ตามตลาดภูมิภาคหลังผลประชุมเฟดตามคาด-ไม่เร่งขึ้นดบ.

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้รีบาวด์ขึ้นตามตลาดภูมิภาคที่บวกกันทั่วหน้า ตอบรับผลประชุมเฟดออกมาตามคาด-ไม่เร่งขึ้นดอกเบี้ย แม้แนวโน้มยังต้องขึ้นดอกเบี้ยอยู่จากเงินเฟ้อสูง ส่งผลให้กลับมาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งหลังขายไปก่อนหน้านี้ มองเป็นโมเมนตัมเทรดดิ้ง นอกจากนี้ได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดีด้วย อย่างไรก็ดี ให้จับตาการประชุม BoE และประชุมกลุ่มโอเปกพลัส รวมถึงจับตาการแพร่ระบาดโควิดในจีน ส่วนบ้านเราติดตามงบฯต่อไป พร้อมให้แนวรับ 1,607-1,600 แนวต้าน 1,620-1,630 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะรีบาวด์ขึ้นได้เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างเคลื่อนไหวในแดนบวกกันทั่วหน้า ตอบรับผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ออกมาตามคาด โดยประกาศว่าจะเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ตั้งแต่เดือนพ.ย.และจะยังไม่เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ก็ยังมองว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอยู่จากเงินเฟ้อที่สูง ส่งผลให้เริ่มกลับมาซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอีกครั้งหลังจากที่มีการขายออกไปก่อนหน้านี้ ซึ่งมองเป็นโมเมนตัมเทรดดิ้ง

นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯที่ออกมาดี อาทิ ตัวเลขการจ้างงานภาคเอกชน อย่างไรก็ดียังต้องติดตามการประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ต่อไป แต่คาดว่าจะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และติดตามการประชุมกลุ่มโอเปกพลัส ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มกำลังการผลิต 4 แสนบาร์เรล/วัน อีกทั้งจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในจีน ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อในจีนเพิ่มขึ้น และจะเข้าฤดูหนาวอีกด้วย

ส่วนบ้านเราให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป แม้งบฯบ้านเราจะไม่ดีทำให้การปรับขึ้นของดัชนีฯมีจำกัด ขณะที่งบฯของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ และยุโรป ยังดีทำให้ทั้งสองตลาดฯดีไปด้วย

พร้อมให้แนวรับ 1,607-1,600 จุด ส่วนแนวต้าน 1,620-1,630 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (3 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,157.58 จุด เพิ่มขึ้น 104.95 จุด (+0.29%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,660.57 จุด เพิ่มขึ้น 29.92 จุด (+0.65%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,811.58 จุด เพิ่มขึ้น 161.98 จุด (+1.04%)

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 338.84 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเพิ่มขึ้น 116.35 จุด และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 7.35 จุด

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (3 พ.ย.)1,611.92 จุด ลดลง 5.97 จุด (-0.37%)

– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 220.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 3 พ.ย.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (3 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 80.86 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 3.05 ดอลลาร์ หรือ 3.6%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (3 พ.ย.) อยู่ที่ 7.46 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.26 แข็งค่าจากดอลลาร์อ่อน หลังเฟดมีมติคงดอกเบี้ย-ลด QE ตามคาด

– นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) วันที่ 5 พ.ย.นี้ ตนจะรายงานแนวทางบรรเทาผลกระทบค่าครองชีพประชาชนจากน้ำมันแพง ทั้งการกู้เงินภายใต้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2562 ที่ให้สิทธิกู้ได้ไม่เกิน 20,000 ล้านบาท เพื่อใช้ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันดีเซล (B7, B10, B20) ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร ไปจนถึงเดือนเม.ย.2565 เมื่อ กพช.อนุมัติ ก็จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา รวมทั้งจะเสนอขอลดเงินนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริม เพื่อการอนุรักษ์พลังงานจาก 10 สตางค์ต่อลิตร เหลือ 5 สตางค์ต่อลิตร เป็นเวลา 1-2 ปี เพื่อลดผลกระทบราคาน้ำมันแพง

– เอกชนวอนรัฐเปิดประเทศแบบจัดเต็มลุยอีเวนต์ทั่วประเทศลอยกระทง ปีใหม่ เพิ่มเงินทุนเอสเอ็มอี ดันเศรษฐกิจปีนี้โต 1.5% จ่อถก “พาณิชย์” ขอขึ้นราคาสินค้าบางรายการ อ้างต้นทุนพุ่งตามราคาน้ำมัน ด้าน ปตท.มองน้ำมันดิบโลกยังสูงต่อเตรียมลงทุนปีหน้า 4.3 แสนล้าน

– “สุพัฒนพงษ์” มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 2565 จะพลิกโตได้ 5-6% กางแผนโมเดลเศรษฐกิจ 4D เปิด 4 โอกาสขับเคลื่อนอนาคตพร้อมคลอดแพกเกจอีวี ธ.ค. ด้าน “กกร.” ขานรับการเปิดประเทศปรับเพิ่มจีดีพี ปี 2564 เป็นโต 0.5-1.5 จากกรอบเดิม 0.0-1.0% แนะจัดเต็มกิจกรรมโปรโมตท่องเที่ยวอย่าปิดๆ เปิดๆ ธุรกิจวางแผนบริหารยาก

หุ้นเด่นวันนี้

– HMPRO (กรุงศรี) “ซื้อ”ปรับเพิ่มเป้าขึ้นเป็น 17 บาท จากเดิม 16.5 หลังจากมีมุมมองเชิงบวกอย่างมากจาก SSSG ที่คาดว่าจะกลับมาเป็น +2 ในปีนี้จากเดิมคาดว่าจะ -5% และทิศทางการฟื้นตัวของ SSSG จะยังแข็งแกร่งต่อเนื่องในปีหน้าและปีถัดไปเพื่อสะท้อนคาดการณ์ดังกล่าว จึงปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 64-66 ขึ้น 11%, 5% และ 4% ตามลำดับ

– ITEL (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 5.20 บาท แนวโน้มรายได้ปี 65-66 โตต่อเนื่อง งานใหม่จะทยอยขายซองประมูล หลังล่าช้าเพราะโควิดใน H1/64 รัฐ-เอกชนเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน IT และล่าสุด ITEL ได้งานเคเบิลไยนำแสงเข้ามาเกือบ 100 ลบ. คาดปี 65 งานกลุ่ม Cloud-Data Center จะแน่น ด้าน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 236 ลบ. และ 299 ลบ. +28%YoY, +27%YoY ตามลำดับ

– SCB (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 160 บาท เข้าลงทุนสัดส่วน 51% ใน Bitkub Online ด้วยเงินลงทุน 1.78 หมื่นลบ. คิดเป็น PE 17-18 เท่าซึ่งไม่แพง และจะเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในด้าน Fintech สำหรับ SCB คาด Bitkub จะสามารถเติบโตได้อีกมากจากทั้งตลาดคริปโตฯที่เป็นขาขึ้น และการขยายฐานลูกค้าเพิ่มจากลูกค้าดิจิทัลของ SCB ว่า 18 ล้านราย พร้อมประเมิน Upside ของกำไรปี 2565 ราว 3-5% โดยมีแนวรับ 127.50 บาท แนวต้าน 133-137 บาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 พ.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top