SABUY ดัน "เวนดิ้ง พลัส" เข้าตลาดหุ้นใน 3 ปีหลังลุยขยายตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ

นายวิรัช มรกตกาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวนดิ้ง พลัส จำกัด ในเครือกลุ่มบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าที่จะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในระยะเวลา 3 ปี (64-66) ซึ่งบริษัทยังคงมีแผนที่จะเพิ่มตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 64 บริษัทตั้งเป้าที่จะเพิ่มตู้ให้เป็น 12,000 ตู้ จาก ณ สิ้นปี 63 ที่บริษัทมีตู้ทั้งหมด 6,000 ตู้ ที่ครอบคลุมกว่า 21 จังหวัดทั่วประเทศ

ในปีนี้บริษัทจะใช้กลยุทธ์ขยายตู้ในพื้นที่ที่มีศักยภาพที่มีการเติบโต อาทิ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม โรงเรียน โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย แหล่งชุมชนต่างๆ เพราะในปัจจุบันตลาดค้าปลีกยังมีพื้นที่ให้ตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ (เวนดิ้งแมชชีน) ได้อีกมาก พร้อมกันนี้ยังมีบริการต่างๆ ที่ดึงดูดผู้ใช้บริการเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง อาทิ Sabuy Money บริการ E-Wallet ใน Ecosystem หรือ Sabuy Exchange ที่เข้ามาช่วยเสริมเรื่องของ Loyalty Program ในกลุ่มร้านค้าปลีก เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังคงมุ่งเน้นในการร่วมมือกับพันธมิตรรายใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจาอยู่หลายรายที่จะทยอยเข้ามาเป็นพันธมิตรต่อเนื่องในปีนี้ จากที่ผ่านมามีสินค้าที่ทุกคนคุ้นเคยจำหน่ายอยู่แล้ว ทั้งหน้ากากผ้า ชุดชั้นในจากซาบีน่า, กระเป๋าผ้าจากนารายา, หน้ากากลิขสิทธิ์ไลน์จาก Kireo, สินค้า gadget จาก Rizz, MP3 CD เพลงจาก GMM , เสื้อโปโลจากแบรนด์ FU รวมไปถึงล่าสุดบริษัทได้เริ่มจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอางแบบซองเพิ่มเติมด้วย

ในขณะเดียวกันบริษัทได้เพิ่มสีสันของสินค้าของเวนดิ้งพลัสให้ออกสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องโดยการออกสินค้าลิขสิทธิ์ ซึ่งตัวการ์ตูนลิขสิทธิ์แรกของบริษัทคือ "โดราเอมอน" น้ำแร่และน้ำเปล่าทั้งหมด 40 ลาย น้ำแร่และน้ำเปล่า ที่เข้าถึงได้ทุกกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งบริษัทจะมีสินค้าลิขสิทธิ์ตามออกมาอีกและบริษัทยังขยายช่องทางการจำหน่ายออกไปให้กว้างมากยิ่งขึ้นด้วยการขยายเข้าไปสู่ตลาด E-commerce โดยเริ่มที่สินค้าน้ำแร่โดราเอมอนก่อน
นายวิรัช กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทมีโอกาสที่จะเข้าร่วมลงทุน (JV) รวมไปถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) เนื่องจากมีผู้ประกอบการที่จะเข้ามาช่วยหนุนธุรกิจและการเติบโตของบริษัท รวมไปถึงมีผู้ประกอบการที่มองว่าธุรกิจอื่นมีการเติบโตมากกว่า จึงมีความต้องการขายกิจการเกี่ยวกับตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติออกมา ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างพิจารณา
"เรามองว่าธุรกิจตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติยังมีการเติบโตอีกมาก เนื่องจากมีสัดส่วนเพียง 0.01% เมื่อเทียบกับการจำหน่ายสินค้าหน้าร้าน ซึ่งเราจะเพิ่มสินค้าและบริการที่น่าสนใจเข้ามายังตู้อย่างต่อเนื่อง โดยการหาพาร์ทเนอร์ใหม่ๆเข้ามาร่วม รวมไปถึงการร่วมลงทุน การเข้าซื้อกิจการ และในขณะเดียวกันบริษัทจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง"นายวิรัช กล่าว