ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น และจากการดิ่งลงของตลาดหุ้นสหรัฐ ขณะที่การเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอของบริษัทจดทะเบียนในยุโรปถ่วงตลาดลงด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 411.73 จุด ลดลง 1.48 จุด หรือ -0.36%
ดัชนี CAC 40 ปิดที่ 5,783.89 จุด ลดลง 14.09 จุด หรือ -0.24%, ดัชนี DAX ปิดที่ 13,879.33 จุด ลดลง 96.67 จุด หรือ -0.69% และดัชนี FTSE 100 ปิดที่ 6,651.96 จุด ลดลง 7.01 จุด หรือ -0.11%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง โดยถูกกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรยุโรปและสหรัฐพุ่งขึ้นรับการคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมา
การคาดการณ์เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นกดดันตลาด หลังความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจในยูโรโซนฟื้นตัวขึ้นมากเกินคาดในเดือนก.พ. และได้หนุนให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ตลาดหุ้นสหรัฐที่ดิ่งลงอย่างหนักจากแรงขายทำกำไรหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ถ่วงตลาดหุ้นยุโรปลงด้วย
หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์, กลุ่มสาธารณูปโภค และกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคปรับตัวลง ท่ามกลางแรงกดดันจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น
แต่หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะพื้นฐานที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปี
หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 6.2% หลังเปิดเผยผลกำไรปี 2563 ลดลง
หุ้นแอนฮอยเซอร์-บุช อินเบฟ ผู้ผลิตเบียร์รายใหญ่ของโลก ร่วงลง 6.2% แม้รายงานผลกำไรสูงเกินคาด ขณะที่หุ้นไบเออร์ ร่วง 6.4% หลังเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 4/2563 ลดลง