#HILITE: AH,IHL ขึ้นเด่นนำกลุ่มยานยนต์ เล็งผลงาน Turnaround ปีนี้, Valuation ยังถูก

หุ้น AH และ IHL ราคาพุ่งขึ้นเด่นนำหุ้นตัวอื่นในกลุ่มยานยนต์ โดยเมื่อเวลา 15.14 น.หุ้น AH พุ่ง 6.08% มาอยู่ที่ 19.20 บาท เพิ่มขึ้น 1.10 บาท มูลค่าซื้อขาย 77.71 ล้านบาท

หุ้น IHL พุ่ง 7.62% มาอยู่ที่ 4.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.34 บาท มูลค่าซื้อขาย 89.49 ล้านบาท

บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า หุ้นกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ มีความน่าสนใจ จากผลประกอบการปีนี้ที่ Turnaround โดยเลือก บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) และบมจ.อินเตอร์ไฮด์ (IHL) เป็นหุ้น Top pick ในกลุ่ม เนื่องจากคาดกำไรจะฟื้นตัวโดดเด่นในปี 2564 ขณะที่ Valuation ถูกสุดในกลุ่ม

ทั้งนี้ แนะ"ซื้อ"หุ้น AH มูลค่าพื้นฐาน ปี 2564 ที่ 26.50 บาท คาดบริษัทมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/63 ที่ 252 ล้านบาท -16%QoQ แต่พลิกจากขาดทุนงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 742 ล้านบาท หากไม่รวมรายการพิเศษปีก่อน กำไรปกติเติบโต 32%YoY เทียบ QoQ คาดปรับลดลงเนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อีกทั้งคาดว่ามีผลขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนราว 65 ล้านบาท เทียบ YoY ฟื้นตัวตามอุตสาหกรรมผลิตรถยนต์ จากอัตราการใช้กำลังการผลิตของ AH ปรับมาใกล้เคียงระดับปกติที่ 80% กลุ่มลูกค้า นิสสันและอีซูซุ ที่มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น ขณะที่ธุรกิจต่างประเทศฟื้นตัวต่อเนื่อง ทั้งธุรกิจของบริษัทร่วม ที่ โปรตุเกส ที่กลับมาผลิตปกติ และธุรกิจจำหน่ายรถยนต์ที่มาเลเซีย ที่ยังมีปัจจัยสนับหนุนด้านการลดภาษีจากรัฐบาล ส่วนประสิทธิภาพในการทำกำไรดีขึ้น เนื่องจากบริษัทร่วม SGAH ที่พลิกกลับมามีกำไร หลังปรับโครงสร้างธุรกิจตัดทิ้งธุรกิจที่มีผลขาดทุนที่อเมริกา

ปี 2564 คาดกำไรปกติจะเติบโต 872%YoY เป็น 799 ล้านบาท โดยยอดขายฟื้นตัวตามอุตสาหกรรม จากสถานการณ์ โควิด-19 ทั่วโลกคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น การผลิตของอุตสาหกรรมจะปรับสู่ระดับปกติ และรับผลบวกจากการที่บริษัทชิ้นส่วนคู่แข่งปิดตัวไปในช่วง โควิด-19 ส่งผลให้บริษัทได้ออร์เดอร์ใหม่เข้ามาราว 300 ล้านบาท เป็นออร์เดอร์ในประเทศ 200 ล้านบาท และออร์เดอร์ต่างประเทศ 100 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2565 จะได้ออร์เดอร์ใหม่เพิ่มเข้ามาอีก 1,500 ล้านบาท หนุนให้ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง

ส่วน IHL ประเมินช่วงราคาที่เหมาะสมปี 2564 ได้เท่ากับ 6.00-7.00 บาท คาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/63 ที่ 50 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนสุทธิ -17 ล้านบาทในไตรมาส 3/63 และเติบโตจากที่ทำได้เพียง 8 ล้านบาทในไตรมาส 4/62 เพราะกลุ่มยานยนต์กลับมาฟื้นตัวเกือบระดับปกติ และเป็นช่วงเปลี่ยนรถรุ่นใหม่ เช่น Toyota Cross ที่มียอดสั่งผลิตมากกว่าคาดการณ์ของ Toyota กว่า 3 เท่าตัว ทำให้ผลจาก Economy of scale หนุนรายได้ไตรมาส 4/63 เติบโต 23%YoY เป็น 434 ล้านบาท อัตรากำไรขั้นต้นเร่งตัวกลับไป 22.3% ดีขึ้นจากไตรมาส 3/63 และไตรมาส 4/62 ที่ 17.6% และ 18.5% ตามลำดับ

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิปี 2564 จะอยู่ในช่วง 300-350 ล้านบาท โดยมีสมมติฐานคือ (1) กำไรจากธุรกิจเดิมกลับเข้าสู่ระดับปกติที่ 200-250 ล้านบาทต่อปี เพราะอัตราการใช้กำลังการผลิตของกลุ่มยานยนต์ยังอยู่ในระดับเต็ม 100% และเป็นช่วงแรกของการออกรถรุ่นใหม่ (2) คาดว่ากำไรสุทธิจากกลุ่มเฟอร์นิเจอร์จะคิดเป็น 50% ของกลุ่มยานยนต์หรือราว 100 ล้านบาท จากการค่อยๆเพิ่มกำลังการผลิต และอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงแรกอาจยังต่ำกว่ากลุ่มยานยนต์เพื่อรอให้ Learning Curve ทำงาน (3) ธุรกิจของเล่นสัตว์เลี้ยงคาดว่าจะเป็นดาวเด่น เพราะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้วัตถุดิบคงเหลือโดยไม่มีต้นทุนส่วนเพิ่ม เราคาดว่าจะมีกำไรสุทธิราว 50 ล้านบาท จากคาดการณ์รายได้ที่ประมาณ 150 ล้านบาท

ราคาหุ้น IHL ซื้อขายบน Valuation ที่สูงกว่ากลุ่มยานยนต์ เนื่องจากมีความสามารถในการทำกำไรสูงกว่า โดยมีอัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยในช่วง 5 ปีย้อนหลังอยู่ที่ 11% เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มยานยนต์ที่ทำได้เพียง 7%