สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.ย. 64)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทปิดตลาดเย็นนี้อยู่ที่ 32.91 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจากเปิด ตลาดเมื่อเช้าอยู่ที่ระดับ 32.89/90 บาท/ดอลลาร์ วันนี้บาทปิดอ่อนค่า จากที่ระหว่างวันมีแรงขายพันธบัตรไทยจากนักลงทุนต่างชาติ 5,300 ล้านบาท โดยตลาดโลกรอปัจจัย ชี้นำหลัก คือตัวเลขเงินเฟ้อ (CPI) เดือนส.ค.ของสหรัฐที่จะประกาศคืนนี้ ระหว่างวันเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.83-32.96 บาท/ ดอลลาร์ นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทวันพรุ่งนี้ไว้ที่ 32.80 - 33.00 บาท/ดอลลาร์ * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.04 เยน/ดอลลาร์ จากเมื่อเช้าที่ระดับ 110.05/08 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1810 ดอลลาร์/ยูโร จากเมื่อเช้าที่ระดับ 1.1808/1812 ดอลลาร์/ยูโร - ดัชนี SET ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,623.84 จุด ลดลง 9.92 จุด (-0.61%) มูลค่าการซื้อขาย 84,176 ล้านบาท - สรุปปริมาณการซื้อขายรายกลุ่ม ต่างชาติซื้อสุทธิ 330.15 ลบ.(SET+MAI) - ครม. เห็นชอบหลักการมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุน โดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย ในลักษณะผู้พำนักระยะยาว (long-term stay) 4 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ 1.ผู้มีความมั่งคั่งสูง 2.ผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ 3.ผู้ต้อง การทำงานในไทย และ 4.ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยออกวีซ่าประเภทผู้พำนักระยะยาว ซึ่งจะได้ข้อยกเว้นและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น การยกเว้นให้ผู้ถือวีซ่าประเภท ผู้พำนักอาศัยระยะยาวและวีซ่าประเภท Smart visa ทั้งหมดไม่ต้องมีหนังสือแจ้งให้พนักงานเจ้า หน้าที่ทราบหากอยู่ในประเทศเกิน 90 วัน - ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เปิดเผยว่า หลังจากเปิดสมัยประชุมในครั้งถัดไป ฝ่ายค้านจะหารือเพื่อยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติ ตามมาตรา 152 ส่วนประเด็นในการอภิปรายจะพิจารณาอีกครั้ง โดยเฉพาะกรณี ที่เป็นปัญหาต่อประชาชน หรือกรณีที่รัฐบาลยังแก้ไขปัญหาไม่ได้ รวมถึงปัญหาใหม่ที่อาจเกิดขึ้น - ธนาคารกลางฝรั่งเศส ประกาศปรับเพิ่มคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) โดยขยายตัว 6.3% ในปีนี้ ซึ่ง เป็นการปรับเพิ่มขึ้นจากคาดการณ์เดิมที่ระดับ 5.8% เมื่อเดือนมิ.ย. เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวได้เร็วกว่าที่คาด ขณะที่ วิกฤตการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายแล้ว - รัฐบาลมาเลเซีย เตรียมยื่นร่างงบประมาณเพิ่มเติมต่อรัฐสภาอีก 1.08 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อขออนุมัติงบประมาณ สำหรับมาตรการเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19 พร้อมกับปรับระดับเพดานหนี้สาธารณะที่ทางการกำหนดไว้ให้สูงขึ้นจากเดิม 60% สู่ 65% ของจีดีพี - สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) รายงานว่า ตัวเลขจ้างงานเดือนส.ค. พุ่งขึ้น 241,000 ราย ซึ่งสูงกว่าระดับก่อน การล็อกดาวน์ครั้งแรกเมื่อปีที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า ตลาดแรงงงานของอังกฤษฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่รัฐบาลเตรียมยุติการช่วยเหลือ แรงงานที่ถูกพักงาน ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 30 ก.ย. - นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย. เพื่อหาสัญญาณ การปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด - ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนส.ค., ดัชนีภาคการผลิต เดือนก. ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนส.ค., ดัชนี การผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จาก มหาวิทยาลัยมิชิแกน