ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่บรรดานักลงทุนคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้รอย่างต่อเนื่องท่ามกลางความวิตกว่าจะมีการปรับลดมาตรการกระตุ้นด้านการเงินทั่วโลก นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังพุ่งขึ้นตามทิศทางหุ้นกลุ่มเดียวกันในตลาดสหรัฐด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดตลาดที่ระดับ 457.04 จุด เพิ่มขึ้น 3.94 จุด หรือ +0.87%
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,631.15 จุด เพิ่มขึ้น 80.08 จุด หรือ +1.22%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 15,589.23 จุด เพิ่มขึ้น 132.84 จุด หรือ +0.86% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,109.97 จุด เพิ่มขึ้น 35.91 จุด หรือ +0.51%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มเทคโนโลยี, กลุ่มค้าปลีก รวมถึงกลุ่มเดินทางและสันทนาการ ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 1.7% ตามการปรับตัวขึ้นของดัชนี Nasdaq ตลาดหุ้นสหรัฐ
ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้นขานรับข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ดัชนีภาวะธุรกิจปรับตัวขึ้นมากเกินคาดในเดือนมิ.ย. และแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. 2561
ตลาดหุ้นอังกฤษปรับตัวขึ้น หลังธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติเป็นเอกฉันท์เมื่อวานนี้ในการคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
นอกจากนี้ BoE ประกาศคงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ที่ระดับ 8.95 แสนล้านปอนด์ (1.2 ล้านล้านดอลลาร์) เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้นคาร์ฟูร์ เพิ่มขึ้น 0.7% หลังจากที่บริษัทเปิดเผยเมื่อวันพุธว่า บริษัทได้เริ่มพิจารณาการควบรวมกิจการ, การขายกิจการ หรือการควบรวมกิจการของบริษัทย่อยในต่างประเทศ
หุ้นแอร์บัส เพิ่มขึ้น 0.6% แม้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลได้เรียกร้องให้มีการตรวจสอบที่เข้มงวดมากขึ้นเกี่ยวกับเครื่องบินของบริษัทที่มีข้อบกพร่องเกี่ยวกับระบบเซ็นเซอร์
