สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ก.ย. 64)
นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.89 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจาก เย็นวานนี้ที่ระดับ 33.75 บาท/ดอลลาร์ เช้านี้เงินบาทเปิดอ่อนค่า สอดคล้องกับทิศทางค่าเงินในภูมิภาค โดยเป็นไปตามการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ในตลาดโลก เนื่องจากบอลด์ยีลด์สหรัฐฯ ยังคงปรับตัวสูงขึ้น และวานนี้นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ประเมินว่าเงินเฟ้อ อาจอยู่ในระดับที่สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ "วันนี้บาทเปิดอยู่ที่ 33.89 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 4 ปี 2 เดือน โดยเงินบาทยังคงอ่อนค่า ตามทิศทางดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่า" นักบริหารเงิน กล่าว ปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับ เดิม แต่ทั้งนี้มติอาจไม่เป็นเอกฉันท์ นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.80 - 34.00 บาท/ดอลลาร์ THAI BAHT FIX 3M (28 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.32366% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.30438% * ปัจจัยสำคัญ - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 111.56 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 111.33 เยน/ดอลลาร์ - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1680 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1676 ดอลลาร์/ยูโร - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.672 บาท/ดอลลาร์ - ติดตามการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งนักลงทุนคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังอยู่ในระดับเดิม แต่มติ อาจไม่เป็นเอกฉันท์ รวมทั้งติดตามความเห็นจาก กนง.ต่อสถานการณ์เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้ด้วย - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดกลาง ต.ค.64 เตรียมออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนการรวมหนี้ (Debt Consolidation) ระหว่างสถาบันการเงิน สำหรับสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันกับสินเชื่อที่มีหลักประกัน เช่น สินเชื่อส่วนบุคคล หรือสินเชื่อ บัตรเครดิต รวมกับสินเชื่อบ้าน หรือสินเชื่อรถยนต์ เป็นต้น โดยเชื่อว่าการเพิ่มเกณฑ์ให้สามารถรวมหนี้ข้ามสถาบันการเงินได้นั้น จะช่วย สร้างการแข่งขัน เพิ่มปริมาณธุรกิจ และเพิ่มแรงจูงใจในการดำเนินมาตรการให้กับสถาบันการเงินมากขึ้น - ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เผยความคืบหน้ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 โดย ณ สิ้น เดือน ก.ค. 64 มีลูกหนี้ได้รับความช่วยเหลือภายใต้มาตรการทั้งสิ้น 5.12 ล้านบัญชี คิดเป็นยอดหนี้ 3.35 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น ลูกหนี้ ของสถาบันการเงินและ non-banks 2 ล้านบัญชี ยอดหนี้ 2.1 ล้านล้านบาท และลูกหนี้ SFIs 3.12 ล้านบัญชี ยอดหนี้ 1.25 ล้านล้าน บาท ทั้งนี้ เมื่อรวมลูกหนี้ของสถาบันการเงินและ non-banks ที่เข้ามาตรการเร่งด่วนพักชำระหนี้ คิดเป็นมากกว่า 3 ล้านบัญชี - ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (27 ก.ย.) โดยได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ของสหรัฐที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. - อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี พุ่งทะลุ 1.54% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. โดยได้ แรงหนุนจากปัจจัยความเชื่อมั่นต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และความวิตกเกี่ยวกับการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ รวมทั้งการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ถึง 1 ปี - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์ก ปิดร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (28 ก.ย.) โดยบรรยากาศการซื้อขาย ได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ - นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาว่า สหรัฐจะเผชิญภาวะเงินเฟ้อ พุ่งสูงเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้ ขณะที่นางเจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐ คาดการณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะระดับ เกือบ 4% ภายในสิ้นปีนี้ - นักลงทุนจับตาการอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราว และการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ โดยสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติ อนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวในวันที่ 21 ก.ย. เพื่อสนับสนุนหน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐ ให้มีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 3 ธ.ค. และหลีกเลี่ยงไม่ให้หน่วยงานเหล่านี้ต้องถูกปิดการดำเนินงาน นอกจากนี้ สภาผู้แทนราษฎรยังมีมติให้ยกเลิกเพดานหนี้ของสหรัฐไป จนถึงสิ้นปี 2565 - ผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 109.3 ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภค ได้รับผลกระทบจากความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโค วิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ - ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนส.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2564 (ประมาณการครั้งสุดท้าย), รายได้และการใช้จ่ายส่วนบุคคลเดือนส.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนส. ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนก.ย.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้ บริโภคเดือนก.ย.