BAY คาดกรอบเงินบาทสัปดาห์นี้ 30.15-30.50 จับตาตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.50 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินบาทปิดอ่อนค่าที่ 30.12 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 29.96-30.14 บาท/ดอลลาร์

ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับทุกสกุลเงินหลัก หลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปีของสหรัฐฯทะยานขึ้นแตะระดับก่อนวิกฤติโรคระบาด ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)แถลงต่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรส โดยไม่พูดถึงความเสี่ยงจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตร แต่แสดงความเห็นว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างไม่ทั่วถึงและยังคงต้องใช้เวลา อีกทั้งเฟดจะยังคงให้ความสำคัญกับการเยียวยาตลาดแรงงาน นอกจากนี้ เฟดจะส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าก่อนที่จะปรับนโยบายในอนาคต ประธานเฟดระบุว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงถูกตรึงไว้ที่ระดับต่ำและเฟดจะเข้าซื้อตราสารหนี้ในอัตราอย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์ต่อเดือนต่อไป

อย่างไรก็ดี ท้ายสัปดาห์นักลงทุนยังคงลดพอร์ตสินทรัพย์ทางการเงินหลายประเภท รวมถึง หุ้น และทองคำ เพื่อรอดูสถานการณ์ในตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทย มูลค่า 10,300 ล้านบาท และ 1,400 ล้านบาท ตามลำดับ โดยในเดือนก.พ. เงินบาทอ่อนค่า 0.5% เกาะกลุ่มไปกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค

น.ส.รุ่ง สงวนเรือง ผู้อำนวยการ ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ กล่าวว่า ตลาดโลกจะให้ความสนใจกับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญหลายรายการของสหรัฐฯ อาทิ ดัชนีภาคบริการ และการจ้างงานนอกภาคเกษตร หลังประธานเฟดเน้นย้ำว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่ห่างไกลจากการบรรุลเป้าหมายของเฟดในด้านการจ้างงานและภาวะเงินเฟ้อ

อนึ่ง BAY มองว่า เพียงความเห็นจากเฟดนั้นไม่พอที่จะลดความปั่นป่วนในตลาดได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแสดงท่าทีที่ค่อนข้างแตกต่างจากธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางออสเตรเลีย ซึ่งระบุถึงความกังวลเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้น ขณะที่นักลงทุนอาจต้องการมาตรการเพิ่มเติมที่เป็นรูปธรรมจากเฟดในการรักษาเสถียรภาพของตลาดพันธบัตร โดยหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯยังผันผวนสูง เราคาดว่าค่าเงินดอลลาร์จะได้แรงหนุนต่อไปในช่วงสั้นๆ

สำหรับปัจจัยในประเทศ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อเดือน ก.พ. ขณะที่ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ได้รายงานว่าการบริโภคภาคเอกชนและตลาดแรงงานเดือนม.ค.ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระลอกใหม่ ส่วนการส่งออกที่ไม่รวมทองคำขยายตัวตามเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า โดยหมวดสินค้าส่งออกที่เติบโตได้ดี ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าเกษตรแปรรูป รวมถึงอิเล็กทรอนิกส์