ก.ล.ต.ไฟเขียวไฟลิ่ง โปรเอ็น คอร์ป ขาย IPO 86 ล้านหุ้น คาดเทรด mai Q2/64

นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ บมจ.โปรเอ็น คอร์ป (PROEN) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้อนุญาตให้เสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ PROEN เมื่อวันที่ 22 มกราคม 2564 โดยบริษัทมีแผนจะเสนอขายหุ้นสามัญ IPO จำนวน 86 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็น 27.2% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนในครั้งนี้ โดยคาดว่าจะเสนอขายหุ้น IPO และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ภายในไตรมาส 2 ของปี 2564

PROEN ประกอบธุรกิจหลัก 2 กลุ่ม ได้แก่ 1) ธุรกิจเทคโนโลยีและการสื่อสาร (Information Communication and Technology: ICT) และให้บริการเทคโนโลยีสารสนเทศด้านศูนย์ข้อมูล Data Center และบริการอินเทอร์เน็ต ISP และบริการคลาวด์ (Cloud Service) โดย PROEN ให้บริการศูนย์ข้อมูลและอินเทอร์เน็ตพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก (Internet Data Center: IDC) ซึ่ง IDC ตั้งอยู่ที่อาคาร กสท.โทรคมนาคม บางรัก และมีคุณสมบัติเทียบเท่าศูนย์ข้อมูลประเภท TIER 3 มีพื้นที่ให้เช่าทั้งสิ้น 2,022 ตารางเมตร และสามารถรองรับตู้ Server ได้ประมาณ 645 ตู้

นอกจากนี้ PROEN ยังจำหน่ายอุปกรณ์และซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงการให้บริการอื่นๆ ที่สนับสนุนการให้บริการ IDC หรือบริการที่เกี่ยวข้องกับ ICT ได้แก่ บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตระดับองค์กร (Internet Service Provider: ISP), บริการรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย (DDoS Protection), บริการ Cloud, บริการ Web hosting และบริการจดโดเมน เป็นต้น

2) ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างสำหรับงานโทรคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Telecommunication and Infrastructure Service) ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ที่เริ่มดำเนินการในปี 2560 โดย PROEN และ TELEBIZ ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ให้บริการงานก่อสร้างงานโทรคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐานแบบเบ็ดเสร็จ (Turnkey Solution)

นายกิตติพันธ์ ศรีบัวเอี่ยม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ PROEN กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai ในครั้งนี้ มีเป้าหมายการระดมทุน เพื่อก่อสร้างอาคารศูนย์ข้อมูลและสำนักงานแห่งใหม่ รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในธุรกิจการให้บริการด้าน ICT และงานรับเหมาก่อสร้าง และชำระหนี้สถาบันการเงิน

"ความน่าสนใจของ PROEN คือการเป็นผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และการสื่อสาร และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานโทรคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐาน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง สอดรับกับเทรนด์ของการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีใหม่ที่เกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้น การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai จะช่วยเพิ่มศักยภาพให้ PROEN มีแหล่งทุนเพื่อผลักดันการเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง"นายกิตติพันธ์ กล่าว

สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปี (2560-2562) ที่ผ่านมาของ PROEN มีสัดส่วนรายได้จาก ธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์และให้บริการด้านเทคโนโลยีและการสื่อสาร (ICT) ซึ่งเป็นรายได้หลักคิดเป็นสัดส่วนโดยเฉลี่ย 87.1% และธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานโทรคมนาคมและสาธารณูปโภคพื้นฐาน (Telecommunication and Infrastructure Service) ซึ่งกลุ่มบริษัทเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2561 คิดเป็นสัดส่วนโดยเฉลี่ยร้อยละ 12.5 รวมทั้งมีรายได้อื่นๆ คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ย 0.4%

ทั้งนี้ในปี 2560 - 2562 PROEN มีรายได้จากการขายและบริการ ซึ่งมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) อยู่ที่ร้อยละ 23.5 รายการหลักมาจากการเติบโตของรายได้ธุรกิจ ICT ซึ่งเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 17.4% เนื่องจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ขยายธุรกิจ e-commerce อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ PROEN มีรายได้จากการให้เช่าพื้นที่ศูนย์ข้อมูลและจำหน่ายอุปกรณ์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ การเติบโตของรายได้ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในปี 2561

สำหรับผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 รายได้จากการขายและบริการของ PROEN อยู่ที่ 741.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 7.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 689.7 ล้านบาท เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่กลุ่มบริษัทดำเนินโครงการก่อสร้างสายส่งไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 3 โครงการในปี 2563 ซึ่งจากประสบการณ์ด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างของกลุ่มบริษัทเพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการดำเนินการก่อสร้างโครงการได้ดีขึ้น

ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างในงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 เพิ่มขึ้นเป็น 15.6% จาก 4.2% ในงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมงวด 9 เดือนของปี 2563 อยู่ที่ 17.7% เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 15.7% ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2563 PROEN มีกำไรสุทธิ 24.3 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 26.5 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2562 มีกำไรสุทธิ 16.6 ล้านบาท