รมว.แรงงานเผยลงทะเบียน "ม33เรารักกัน" วันสุดท้าย มียอดสะสม 8.18 ล้านคน

นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทะเบียนออนไลน์โครงการ ม33เรารักกัน ผ่านเว็บไซต์ www.ม33เรารักกัน.com ซึ่งวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เปิดให้ลงทะเบียนมาตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.- 7 มี.ค.64 จากเป้าหมายดำเนินการ 9.27 ล้านคน ผลปรากฏว่า ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 7 มี.ค.64 เวลา 12.00 น. มีผู้ประกันตนมาตรา 33 มาลงทะเบียนแล้ว 8,185,079 คน คงเหลืออีกกว่า 1 ล้านคน ในจำนวนนี้ ประกอบไปด้วย ผู้ที่รับเงินในโครงการเราชนะไปแล้ว ผู้ที่มีเงินฝากในบัญชีเกิน 500,000 บาท และผู้ที่มีปัญหาอื่นๆ ทางเทคนิค เช่น ชื่อ-สกุล ไม่ตรงกับฐานข้อมูลสำนักทะเบียนราษฏร หรือไม่ตรงกับฐานข้อมูลผู้ประกันตน ลงทะเบียนช้า ไม่มีสมาร์ทโฟน ซึ่งปรากฎว่าจังหวัดที่มีการตกค้างอยู่สูงสุด 5 อันดับแรก คือ กรุงเทพฯ ชลบุรี นนทบุรี ปทุมธานี และเชียงใหม่

ทั้งนี้ สำนักงานประกันสังคมได้ทำงานเชิงรุก โดยส่งข้อมูลผู้ประกันตนที่ยังไม่ได้ลงทะเบียนไปยังสำนักงานประกันสังคมในพื้นที่เพื่อจะได้ประสานไปยังสถานประกอบการนายจ้างให้เร่งติดตามและกระตุ้นให้ลูกจ้างรีบมาลงทะเบียนให้ทันตามเวลากำหนด

นายสุชาติ กล่าวต่อว่า โครงการ ม33เรารักกัน คณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบ เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2564 โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับสิทธิคนละ 4,000 บาท และได้มอบหมายให้กระทรวงแรงงานติดตามความคืบหน้ามาโดยตลอด

สำหรับผู้ประกันตนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน จะเปิดให้ลงทะเบียนวันที่ 15-28 มี.ค.64 ณ สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ จังหวัดและสาขา โดยเจ้าหน้าที่ประกันสังคม จะเข้าเว็บไซต์ลงทะเบียนสำหรับผู้ไม่มีสมาร์ทโฟน (จะแจ้งให้ทราบ) จากนั้นเจ้าหน้าที่ประกันสังคมบันทึกแทนผู้ประกันตน โดยกรอกข้อมูลตามบัตรประชาชนของผู้ประกันตน กดยืนยันหลักเกณฑ์เงื่อนไขและความยินยอมเข้าร่วมโครงการ ม33เรารักกัน จากนั้นจะตรวจสอบว่าเป็นผู้ประกันตนมาตรา 33 หรือไม่ มีสัญชาติไทยหรือไม่ ต้องไม่เป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไม่ได้รับสิทธิโครงการเราชนะ และไม่มีเงินฝากในสถาบันการเงินเกิน 500,000 บาท

ส่วนขั้นตอนหลังจากปิดลงทะเบียนในวันนี้ (7 มี.ค.64) แล้ว จะเป็นการแจ้งขอทบทวนสิทธิ โดยจะเปิดบริการให้ขอรับทบทวนสิทธิตั้งแต่วันที่ 15 - 28 มี.ค.64 ที่สำนักงานประกันสังคมทุกพื้นที่ ทั้งในกรุงเทพมหานครและทุกจังหวัดทั่วประเทศ โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียวในการติดต่อเท่านั้น