"วอร์เรน บัฟเฟตต์" ขายทิ้งหุ้นเหมืองทองคำ ก่อนตลาดเกิด Death Cross

ผู้เชี่ยวชาญในตลาดหุ้นได้ตั้งข้อสังเกตว่า นักลงทุนรายใหญ่หลายคนซึ่งรวมถึงนายวอร์เรน บัฟเฟตต์ เจ้าของบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ได้ถอนการลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย เพราะคาดว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยข้อมูลล่าสุดที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐ (SEC) ระบุว่า เบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ได้ทุ่มเงินซื้อหุ้นในแบร์ริค โกลด์ บริษัทเหมืองทองคำรายใหญ่ของสหรัฐในไตรมาส 2/2563 แต่ได้เทขายหุ้นดังกล่าวทั้งหมดในไตรมาส 4

เมื่อคืนนี้ (17 ก.พ.) ราคาหุ้นแบร์ริค โกลด์ ทรุดตัวลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2563 ขณะที่ราคาทองคำนิวยอร์กส่งมอบเดือนเม.ย.ร่วงลงปิดที่ระดับ 1,772.8 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2563 โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าตลาดทองคำนิวยอร์กได้เผชิญกับภาวะ Death Cross เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2561 เนื่องจากเส้นค่าเฉลี่ยทางเทคนิคระยะสั้นตัดลงต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว โดยเมื่อคืนนี้ ราคาเฉลี่ยในรอบ 50 วันของสัญญาทองคำอยู่ที่ระดับ 1,856.46 ดอลลาร์/ออนซ์ ต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในรอบ 200 วันที่ระดับ 1,857.67 ดอลลาร์/ออนซ์

ทั้งนี้ เมื่อตลาดทองคำเกิดภาวะ Death Cross ถือเป็นการส่งสัญญาณว่า ราคาทองคำกำลังจะเข้าสู่ภาวะขาลงในระยะยาว

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า บริษัทเบิร์กเชียร์ได้เทขายหุ้นทั้งหมดในแบร์ริค โกลด์ในไตรมาส 4/2563 ซึ่งเป็นเวลาเพียง 2 ไตรมาสหลังจากที่เปิดโพสิชั่น โดยสถานการณ์ดังกล่าวถูกมองว่าอาจเป็นแรงจูงใจให้บรรดานักลงทุนรายย่อยเทขายหุ้นกลุ่มทองคำตามเบิร์กเชียร์

เจสัน ทีด นักวิเคราะห์จาก Gold Bullion Strategy Fund กล่าวว่า สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้ราคาทองคำร่วงลงติดต่อกันหลายวันนั้น มาจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรของรัฐบาลสหรัฐ และการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์

ขณะที่ไคลิน เบิร์ช นักวิเคราะห์จาก The Economist Intelligence Unit คาดการณ์ว่า ราคาทองมีแนวโน้มทรุดตัวลงสู่ระดับ 1,775 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาส 3 ปีนี้ เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจะทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย และจากนั้นราคาทองจะดิ่งลงสู่ระดับ 1,750 ดอลลาร์/ออนซ์ในไตรมาส 4 แต่หากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหยุดชะงักลง ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ราคาทองดีดตัวขึ้นอีกครั้ง