World Today: สรุปข่าวต่างประเทศวันนี้

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจของเฟดทั้ง 12 เขตหรือ "Beige Book" เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐมีมุมมองเป็นบวกต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ แต่ยังคงกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบใหม่ของโรคโควิด-19

รายงาน Beige Book ระบุว่า เฟดเกือบทุกเขตรายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจขยายตัวปานกลางนับตั้งแต่เฟดได้ทำการสำรวจภาวะเศรษฐกิจเมื่อครั้งที่แล้ว ขณะที่มีเฟดเพียง 2 เขตรายงานว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจแทบจะไม่เปลี่ยนแปลง หรือมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย และมีเฟด 2 เขตรายงานว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง


-- สำนักข่าวต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงวอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวระบุว่า กระทรวงการคลังสหรัฐได้ตัดสินใจไม่รวมบริษัทอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้ง, บริษัทเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์ และบริษัทไป่ตู้ อิงค์ของจีน ในรายชื่อบริษัทจีนที่ถูกขึ้นบัญชีดำ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ กระทรวงกลาโหมสหรัฐได้พยายามแบนบริษัทยักษ์ใหญ่ของจีนเหล่านี้


-- สำนักงานศุลกากรจีน (GAC) รายงานในวันนี้ว่า ยอดส่งออกของจีนในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้น 18.1% เมื่อเทียบรายปี ซึ่งแม้ว่าชะลอตัวลงจากเดือนพ.ย.ที่พุ่งขึ้น 21.1% แต่ยอดส่งออกเดือนธ.ค.ก็ยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 15% ซึ่งบ่งชี้ว่าความต้องการสินค้าจีนในตลาดโลกยังคงแข็งแกร่ง ขณะที่ยอดนำเข้าในเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 6.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 5% และแข็งแกร่งกว่าในเดือนพ.ย.ซึ่งมีการขยายตัว 4.5%

จีนมียอดเกินดุลการค้าในเดือนธ.ค.เพิ่มขึ้นแตะระดับ 7.817 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดเกินดุลการค้าของจีนจะลดลงแตะระดับ 7.235 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 7.540 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย.


-- ทีมผู้เชี่ยวชาญขององค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เดินทางถึงเมืองอู่ฮั่นของจีนแล้วในวันนี้ เพื่อดำเนินการสืบสวนต้นกำเนิดไวรัสโควิด-19 ภายในประเทศ หลังจากที่จีนถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหน่วยงานด้านสุขภาพและประเทศอื่นๆว่าขาดความโปร่งใสในการติดตามหาต้นกำเนิดของเชื้อไวรัส โดยการตรวจสอบที่มาของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะดำเนินการร่วมกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนและทีมผู้เชี่ยวชาญของ WHO ซึ่งทีมผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้จะใช้เวลา 1 เดือนในเมืองอู่ฮั่น ซึ่งรวมถึงระยะเวลาในการกักตัว 2 สัปดาห์


-- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประณามกลุ่มผู้ประท้วงที่บุกเข้าไปก่อความรุนแรงในอาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องเรียกร้องให้คนในชาติสามัคคีกัน โดยความเคลื่อนไหวของปธน.ทรัมป์เกิดขึ้นไม่นานหลังจากสภาผู้แทนราษฎรมีมติถอดถอนเขาพ้นจากตำแหน่งก่อนครบวาระ

ขณะเดียวกัน ปธน.ทรัมป์เรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขานั้น อยู่ในท่าทีที่สงบเรียบร้อย และส่งเสริมสันติภาพภายในประเทศ

ทั้งนี้ แถลงการณ์ดังกล่าวมีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐมีมติด้วยคะแนนเสียง 232 ต่อ 197 ถอดถอนปธน.ทรัมป์ ด้วยความผิดในข้อหายุยงปลุกปั่นให้กลุ่มผู้สนับสนุนของเขาบุกเข้าไปในอาคารรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อขัดขวางกระบวนการประกาศรับรองชัยชนะของนายโจ ไบเดนในการเลือกตั้งประธานาธิบดี


-- นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยในวันนี้ว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่วิกฤต และจะมีอัตราการฟื้นตัวเพียงเล็กน้อยเท่านั้น อันเนื่องมาจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาด พร้อมระบุว่า BOJ จะดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อไป เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หากจำเป็น


-- วารสารทางการแพทย์ New England Journal of Medicine ตีพิมพ์ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) ซึ่งฉีดให้กับกลุ่มอาสาสมัครทั้งวัยหนุ่มสาวและผู้สูงอายุในปริมาณเพียงหนึ่งโดส โดยพบว่ามีความปลอดภัยและสามารรถกระตุ้นการสร้างภูมิคุ้มกันในกลุ่มทดลองดังกล่าว

"ข้อมูลทดลองทางคลินิกในระยะที่ 1 และระยะที่ 2 บ่งชี้ว่า การฉีดวัคซีนโดสเดียวสามารถสร้างแอนติบอดีในระดับคงที่ได้ ข้อมูลนี้ช่วยให้บริษัทมั่นใจว่าวัคซีนจะมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันไวรัสโควิด-19" ดร.พอล สโตฟเฟลส์ หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของ J&J เปิดเผยกับสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี


-- นักวิเคราะห์จากหลายสำนักได้พากันปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของมาเลเซียในปีนี้ หลังจากมาเลเซียประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์ รวมทั้งการประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยนักวิเคราะห์จากบริษัทแคปิตอล อิโคโนมิคส์คาดว่า เศรษฐกิจมาเลเซียจะขยายตัวเพียง 7% ในปีนี้ ลดลงจากระดับคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ขยายตัว 10%

ด้านนักวิเคราะห์ของธนาคารยูโอบีปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจของมาเลเซียลงสู่ระดับ 5% จากระดับ 6% ขณะที่นักวิเคราะห์จากธนาคารมิซูโฮปรับลดคาดการณ์ลงสู่ระดับ 5.9% จากระดับ 6.7% และนักวิเคราะห์จากฟิทช์ โซลูชันส์ ปรับลดคาดการณ์ลงสู่ระดับ 10% จากระดับ 11.5%


-- บริษัทซิโนแวก ไบโอเทค ของจีน ได้ออกมายืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพของวัคซีน CoronaVac ที่บริษัทเป็นผู้ผลิต หลังจากที่นักวิจัยในบราซิลเผยผลการทดลองทางคลินิกขั้นสุดท้ายที่แสดงประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสต่ำกว่าที่ประกาศไว้ในตอนแรก

นักวิจัยระบุว่า ผลการทดลองทางคลินิกของวัคซีน CoronaVac ของซิโนแวกในบราซิล ให้ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 เพียง 50.4% ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่มากนัก ซึ่งแตกต่างจากข้อมูลเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่มีรายงานว่า วัคซีนดังกล่าวให้ประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 ถึง 78% ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงถึงขั้นรุนแรง


-- สมาชิกสภาคองเกรสของสหรัฐอย่างน้อย 3 คนมีผลตรวจเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นบวก หลังเกิดเหตุกลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารสภาคองเกรสเมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา

นางบอนนี วัตสัน โคลแมน, นางพรามิลา จายาพาล และนายแบรด ชไนเดอร์ประกาศว่า พวกเขามีผลตรวจเชื้อโควิด-19 เป็นบวก พร้อมกับกล่าวโทษบรรดาสมาชิกสภาคองเกรสของพรรครีพับลิกันที่ไม่ยอมสวมหน้ากากอนามัยในระหว่างการล็อกดาวน์อาคารรัฐสภาเป็นเวลาหลายชั่วโมง เมื่อกลุ่มผู้สนับสนุนปธน.ทรัมป์บุกเข้าไปในอาคารรัฐสภา

สมาชิกสภาคองเกรสทั้ง 3 คนถูกพาตัวไปยังสถานที่ปลอดภัยเช่นเดียวกับสมาชิกสภาคนอื่นๆ เมื่อกลุ่มสนับสนุนปธน.ทรัมป์บุกเข้าไปก่อเหตุจลาจลในอาคารรัฐสภา โดยรายงานระบุว่า ในระหว่างนั้น มีสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนมากที่ไม่ได้สวมใส่หน้ากากอนามัยตามข้อกำหนด นอกจากนี้ ประชาชนจำนวนมากที่อยู่ในกลุ่มม็อบบุกสภา ก็ไม่ได้สวมหน้ากากอนามัยเช่นกัน