ดัชนีความวิตกตลาดวอลล์สตรีทพุ่ง กังวลฟองสบู่จากปรากฎการณ์ GameStop

ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด พุ่งขึ้น 62% เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดในรอบ 2 ปี สู่ระดับ 37.32 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2563 ขณะที่ตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดตัวลงวานนี้ โดยดัชนี S&P 500 ดิ่งลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนต.ค.2563

ดัชนี VIX เคยพุ่งขึ้นสูงถึง 82.69 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ในช่วงที่นักลงทุนแห่เทขายหุ้น ท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ในปีที่แล้ว

การดีดตัวขึ้นของดัชนี VIX เมื่อวานนี้ ยังมีสาเหตุจากการทะยานขึ้นอย่างผิดปกติของราคาหุ้น GameStop ซึ่งได้สร้างความวิตกเกี่ยวกับภาวะฟองสบู่ในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท และกดดันบรรยากาศการซื้อขายในตลาด

ราคาหุ้น GameStop ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายวิดีโอเกมชื่อดังในสหรัฐ ดีดตัวขึ้น 30% ในขณะนี้ ก่อนเปิดตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในคืนนี้ หลังจากที่ทะยานขึ้นถึง 1,700% นับตั้งแต่ต้นเดือนนี้

ราคาหุ้น GameStop มีการซื้อขายที่ระดับ 2.80 ดอลลาร์/หุ้นในเดือนเม.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้น บริษัทประกาศว่าจะปิดสาขามากกว่า 300 สาขา ท่ามกลางปัญหาหนี้จำนวนมากที่บริษัทเผชิญอยู่ แต่ ณ ขณะปิดตลาดวานนี้ ราคาหุ้นพุ่งขึ้นแตะ 347.51 ดอลลาร์/หุ้น

ปรากฎการณ์ของหุ้น GameStop ถือเป็น talk of the town โดยหุ้นดังกล่าวได้พุ่งขึ้นกว่า 130% ในการซื้อขายวานนี้ และมากกว่า 400% ในสัปดาห์นี้ และถูกมองกันว่าเป็นการรวมตัวกันของนักลงทุนรายย่อยของสหรัฐเพื่อสั่งสอนกองทุนเฮดจ์ฟันด์รายใหญ่ที่มักเก็งกำไรด้วยการเทขายหุ้นในตลาด

ทั้งนี้ Reddit ซึ่งเป็น chat room ที่มีสมาชิกกว่า 4 ล้านราย และเป็นแหล่งที่นักลงทุนรายย่อยมักเข้าสนทนาเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลการซื้อขายหุ้นในตลาด ได้เล็งเป้าหมายที่จะผลักดันราคาหุ้น GameStop ให้สูงขึ้นเพื่อกดดันให้เฮดจ์ฟันด์ต้องกลับเข้าซื้อคืนหุ้นดังกล่าวเพื่อตัดขาดทุน หลังจากที่ได้ทำชอร์ตเซลก่อนหน้านี้ เนื่องจากคาดการณ์ว่า GameStop จะต้องปิดกิจการในไม่ช้า