ดาวโจนส์ปิดบวก 76.65 จุด หุ้นแบงก์พุ่งตามแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (5 ส.ค.) โดยได้แรงหนุนจากหุ้นกลุ่มธนาคารที่ปรับตัวขึ้นขานรับแนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้น ขณะที่ดัชนี S&P500 และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง โดยถูกกดดันจากหุ้นเทสลาและหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่ปรับตัวลง หลังการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งเกินคาดของสหรัฐทำให้นักลงทุนวิตกว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อที่ระดับสูงสุดในรอบหลายสิบปี

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,803.47 จุด เพิ่มขึ้น 76.65 จุด หรือ +0.23%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,145.19 จุด ลดลง 6.75 จุด หรือ -0.16%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,657.56 จุด ลดลง 63.02 จุด หรือ -0.50%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ลดลง 0.1% ขณะที่ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 0.4% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.2%

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้น เนื่องจากมีแนวโน้มมากขึ้นที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในเดือนก.ย. ซึ่งช่วยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้น โดยหุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 3% และช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ให้ยังคงปรับตัวอยู่ในแดนบวกได้

ส่วนหุ้น 6 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลบ โดยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและกลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ปรับตัวลงมากที่สุด 1.66% และ 0.88% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นมากที่สุด 2.04%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. โดยพุ่งขึ้นมากกว่า 2 เท่าจากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 258,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.6%

ส่วนตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ดีดตัวขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน และพุ่งขึ้น 5.2% เมื่อเทียบรายปี

บรรดานักลงทุนวิตกว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่พุ่งขึ้นเกินคาด รวมทั้งการลดลงของอัตราการว่างงาน และการดีดตัวขึ้นของตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน จะทำให้เฟดเดินหน้าเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

หุ้นเทสลา ร่วงลง 6.6% และถ่วงดัชนี S&P500 และ Nasdaq ลงมากที่สุด ขณะที่หุ้นเมตา แพลตฟอร์มส์ ร่วงลง 2% และหุ้นแอมะซอน ร่วงลง 1.2%

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 68.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% สู่ระดับ 3.00-3.25% ในการประชุมวันที่ 20-21 ก.ย. และให้น้ำหนักเพียง 31.5% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50%

การเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งช่วยหนุนหุ้นรายตัว โดยหุ้นลิฟต์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทบริการรับ-ส่งผู้โดยสาร พุ่งขึ้น 17% หลังเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสสูงเป็นประวัติการณ์ และคาดการณ์ผลกำไรจากการดำเนินงานที่ระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2567

ในสัปดาห์หน้า นักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อ โดยคาดว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐจะพุ่งขึ้น 8.7% ในเดือนก.ค. หลังพุ่งขึ้น 9.1% ในเดือนมิ.ย.

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ส.ค. 65)

Tags: ,
Back to Top