นายกฯ นำคณะลงพื้นที่ติดตามแก้ปัญหาภัยแล้ง จ.กาญจนบุรี

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่ตรวจติดตามการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ที่ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำและมีภัยแล้งเป็นประจำทุกปี เนื่องจากสภาพภูมิประเทศเป็นที่ราบเชิงเขา และเป็นพื้นที่เขตเงาฝน ไม่มีแม่น้ำไหลผ่าน รวมทั้งการขาดแคลนระบบชลประทาน

ทั้งนี้ จังหวัดกาญจนบุรีขอรับการสนับสนุนงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูเศรษฐกิจท้องถิ่นและชุมชน หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อก่อสร้างระบบกระจายน้ำ โดยวางท่อเมนเหล็กเพื่อส่งต่อน้ำบาดาลไปยังพื้นที่ระยะทาง 11,835 กิโลเมตร ให้ครอบคลุมพื้นที่มากที่สุด เพื่อให้ประชาชนมีน้ำสะอาดสำหรับใช้อุปโภคบริโภค และสามารถทำเกษตรกรรมได้ตลอดทั้งปี โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 12 ก.ค.65 เห็นชอบผลการพิจารณาของคณะกรรมการกลั่นกรองการใช้จ่ายเงินกู้ (คกง.) ภายใต้พระราชกำหนดกู้เงินฯ เพิ่มเติม พ.ศ.2564 ที่อนุมัติโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก ปี 2564 ซึ่งโครงการสร้างระบบกระจายน้ำดังกล่าวได้รับการอนุมัติแล้ว

ที่ผ่านมารัฐบาลได้ให้การช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำในจังหวัดกาญจนบุรี โดยได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรน้ำบาดาลดำเนินการ ได้แก่ 1.การสำรวจพื้นที่ขุดเจาะน้ำบาดาล ซึ่งมีการค้นพบพื้นที่ที่เหมาะสม จำนวน 3 จุด จากทั้งหมด 15 จุดทั่วประเทศ ซึ่งปริมาณน้ำใต้ดินมีเพียงพอ เลี้ยงพื้นที่เขตแห้งแล้งทั้งหมดได้ ถ้ามีการบริหารจัดการระบบน้ำได้เพียงพอ และเหมาะสม และ 2.การสร้างสถานีสูบน้ำโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ตำบลหนองฝ้าย อำเภอเลาขวัญ 1 แห่ง และที่ตำบลห้วยกระเจา อำเภอห้วยกระเจา 2 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะพัฒนาได้ประมาณ 250 ล้านลูกบาศก์เมตร มีปริมาณน้ำเพิ่มเติมรายปี 4.68 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี สามารถพัฒนาน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ได้ 1.75 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา รัฐบาลทำทุกอย่างเพื่อเดินหน้าประเทศไทย พยายามอย่างเต็มที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องความยากจน ปัญหาแหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน รวมถึงถนนเส้นทางต่างๆ มีหลายเรื่องที่ทำแล้วประสบความสำเร็จและยังมีอีกหลายเรื่องที่ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ซึ่งมีความยากง่ายแตกต่างกันไป สิ่งสำคัญรัฐบาลต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย เป้าหมายของรัฐบาลคือให้ประชาชนมีความสุขและมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยการสนับสนุนจากภาครัฐและภาคเอกชน

ส่วนเรื่องการทำการเกษตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ ที่ผ่านมาตนได้เคยทำมาแล้ว เข้าใจถึงความยากลำบาก ขอให้เกษตรกรติดตามข้อมูลข่าวสารจากหน่วยงานภาครัฐ พร้อมใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งเรื่องการเพาะปลูก และช่องทางการจำหน่าย ขอให้พัฒนาสินค้าแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ขึ้นทะเบียนเป็นสินค้า GI เพิ่มมูลค่าให้สินค้า

นายกรัฐมนตรี ยังขอความร่วมมือทุกภาคส่วนต่อยอดโครงการเพื่อกระจายน้ำให้กับประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม เพื่อให้สามารถนำน้ำบาดาลขึ้นมาใช้ในการอุปโภคบริโภคอย่างเพียงพอ และทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี ตลอดจนการสนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มผู้ใช้น้ำบาดาลหรือผู้รับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำภายหลังโครงการเสร็จ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์อย่างคุ้มค่าสูงสุด และนำไปสู่การกำหนดรูปแบบการบริหารจัดการน้ำบาดาลที่เหมาะสมกับพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมร่วมกันต่อไป พร้อมย้ำให้ข้าราชการทำงานเชิงรุก เดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน อย่าปล่อยให้เกียร์ว่าง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ส.ค. 65)

Tags: , , ,
Back to Top