ราคาน้ำมัน WTI พุ่งกว่า 1% ทะลุ $82 หลังสต็อกน้ำมันสหรัฐลดลงมากกว่าคาด

สัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI พุ่งขึ้นกว่า 1% ทะลุระดับ 82 ดอลลาร์ในวันนี้ หลังสหรัฐเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่แล้ว

ณ เวลา 22.50 น.ตามเวลาไทย สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ส่งมอบเดือนก.พ. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 1.21 ดอลลาร์ หรือ 1.49.% สู่ระดับ 82.43 ดอลลาร์/บาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 1.09% สู่ระดับ 84.63 ดอลลาร์/บาร์เรล

สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 4.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 1.6 ล้านบาร์เรล

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 1.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ราคาน้ำมันจะพุ่งขึ้นทะลุ 100 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากทะยานขึ้น 50% ในปีที่แล้ว

"หากเศรษฐกิจจีนไม่ทรุดตัวลง และโอเปกพลัสยังคงเพิ่มการผลิตเพียงเล็กน้อย ผมก็คาดว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะพุ่งทะลุ 100 ดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปีนี้ หรือเร็วกว่านั้น" นายเจฟฟรีย์ ฮัลลีย์ นักวิเคราะห์จาก OANDA ระบุ

นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญยังเปิดเผยว่า ราคาน้ำมันได้ปัจจัยหนุนจากการที่ประเทศต่างๆจะไม่หันกลับไปล็อกดาวน์เศรษฐกิจแบบที่ได้ดำเนินการในปี 2563 แม้มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนในขณะนี้ รวมทั้งได้ปัจจัยบวกจากการที่ภาคธุรกิจยังคงมีการลงทุนที่จำกัดในอุตสาหกรรมน้ำมัน และจากภาวะน้ำมันตึงตัวในตลาด ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ผลิตน้ำมันต่ำกว่าโควตาที่กำหนด เนื่องจากสมาชิกบางราย ได้แก่ ไนจีเรียและลิเบีย ประสบปัญหาการผลิตในประเทศ

ทางด้านมอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันจะพุ่งแตะ 90 ดอลลาร์ในไตรมาส 3 ส่วนเจพีมอร์แกนคาดราคาแตะ 90 ดอลลาร์ในช่วงสิ้นปีนี้