ดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งกว่า 300 จุด ส่งสัญญาณวอลล์สตรีทร่วงต่อเนื่องจากวานนี้

ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ดิ่งลงกว่า 300 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะยังคงปรับตัวลงในคืนนี้ ต่อเนื่องจากที่ทรุดตัวลงวานนี้

ณ เวลา 19.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลบ 344 จุด หรือ 1.09% สู่ระดับ 31,096 จุด

ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 1,100 จุดวานนี้ ซึ่งเป็นการทรุดตัวลงมากที่สุดภายในวันเดียวนับตั้งแต่เดือนมิ.ย.2563 เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐเริ่มส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทค้าปลีก

ราคาหุ้นของบริษัทโคห์ลส์ คอร์ป ซึ่งเป็นห้างค้าปลีกรายใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลงกว่า 5% ในการซื้อขายก่อนเปิดตลาดวันนี้ หลังจากที่บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาสแรกต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

นอกจากนี้ โคห์ลส์ได้ปรับลดคาดการณ์กำไรในปีนี้ สู่ระดับ 6.45-6.85 ดอลลาร์/หุ้น จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 7.00-7.50 ดอลลาร์/หุ้น

ขณะเดียวกัน บริษัทคาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น 0-1% ในปีนี้ จากเดิมคาดว่าเพิ่มขึ้น 2-3%

การเปิดเผยผลประกอบการของโคห์ลส์ในวันนี้ สอดคล้องกับผลประกอบการที่น่าผิดหวังของทาร์เก็ต, โลว์ส และวอลมาร์ทก่อนหน้านี้ และเป็นการตอกย้ำว่าภาวะเงินเฟ้อได้เริ่มส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีก

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย หลังจากที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ยืนยันว่า เฟดไม่ลังเลที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุด หากมีความจำเป็นเพื่อสกัดเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า ขณะนี้นักลงทุนให้น้ำหนัก 100% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อย 0.50% ในการประชุมนโยบายการเงินอีก 2 ครั้ง ทั้งในเดือนมิ.ย.และก.ค. หลังจากที่เฟดเพิ่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในเดือนพ.ค. เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนพ.ค.2543 และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 20 ปี

ขณะเดียวกัน เฟดเตรียมปรับลดขนาดงบดุล (Quantitative Tightening : QT) โดยจะเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนมิ.ย. ซึ่งเฟดจะลดขนาดงบดุลในวงเงิน 4.75 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน เฟดจะเพิ่มการลดขนาดงบดุลเป็น 9.5 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน