(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดเงินบาท: เปิด 33.27 แข็งค่าต่อเนื่อง หลังดอลลาร์อ่อนค่ารับเงินเฟ้อสหรัฐสูงตามคาด

          นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.27 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจาก
เย็นวานที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.38 บาท/ดอลลาร์
          เงินบาทเช้านี้ยังคงแข็งค่าต่อเนื่องจากระดับปิดตลาดเมื่อเย็นวาน จากผลของดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงิน
อื่นๆ หลังจากดอลลาร์สหรัฐโดนเทขายหนัก เนื่องจากเมื่อคืนตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาอยู่ในระดับสูงที่ 7% แต่ก็ยังเป็นไปตามทิศทางที่
ตลาดคาดการณ์ไว้
          "เมื่อคืน ดอลลาร์โดนเทขายหนักมาก หลังจากเงินเฟ้อสหรัฐออกมาที่ 7% ซึ่งแม้จะสูง แต่ตลาดก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว ทำให้
ดอลลาร์อ่อนค่าลงไปจนหลุดแนวรับ" นักบริหารเงิน ระบุ
          ปัจจัยในประเทศคงต้องติดตามกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย รวมถึงสัญญาณการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวเป็นสำคัญ 
          นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.20 - 33.40 บาท/ดอลลาร์ โดยทิศทางยังคงแข็งค่า 
          THAI BAHT FIX 3M (12 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.30184% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.32864%
          SPOT ล่าสุด อยู่ที่ระดับ 33.25250 บาท/ดอลลาร์

          * ปัจจัยสำคัญ

          - เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.56 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 115.37 เยน/ดอลลาร์
          - เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1441 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1364 ดอลลาร์/ยูโร
          - อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.382 บาท/ดอลลาร์
          - ตลาดตราสารหนี้ปี'65 คาดยอดออกหุ้นกู้ระยะยาว ทะลุ 1 ล้านล้านบาท หลังทะยานเกินเป้า 2 ปีซ้อน 'บอนด์ยีล'ผลตอบ
แทนปรับขึ้นทุกอายุ เผยเอกชนเชื่อมั่นการลงทุนและเศรษฐกิจประเทศจะกลับมาฟื้นตัวครึ่งหลังปีนี้
          - สมาคมตราสารหนี้ไทย จับตา "หุ้นกู้ไฮยิลด์" ยังเสี่ยงถูกดีฟอล แม้มีสินทรัพย์ค้ำประกัน เหตุโอมิครอนคาดทำเศรษฐกิจฟื้น
ตัวครึ่งปีหลัง เตือนนักลงทุนประเมินผู้ค้ำประกันก่อน เผยสิ้นปีก่อนหุ้นกู้ ยังค้างชำระหนี้รวม 2.2 หมื่นล้าน หนุนจัดตั้ง "ไฮยิลด์ฟันด์" ลด
ความเสี่ยง 
          - ธนาคารกรุงไทย เตรียมออกและเสนอขายตราสารแสดงสิทธิในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ Depositary Receipt 
(DR) อ้างหุ้นสามัญต่างประเทศเป็นครั้งแรกในประเทศ โดยอ้างอิงหุ้นสามัญของบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลกอย่าง อาลีบาบา 
(Alibaba) และเท็นเซ็น (Tencent)
          - "อาคม" ย้ำเก็บภาษีหุ้น-คริปโต เพื่อขยายฐาน-เพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษี เพื่อนำเงินมาพัฒนาประเทศ 
ด้าน "สรรพากร" จับเข่าสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัล เคลียร์ประเด็นก่อนยื่นแบบภาษีเงินได้ปี 64
          - 'พิพัฒน์' เก็บค่าเหยียบแผ่นดินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคนละ 300 บาท เริ่ม 1 เม.ย.นี้ บวกในราคาตั๋วเครื่องบิน ตั้ง
เป้า 5 ล้านคน นำส่งเงินเข้ากองทุนฯ 1,500 ล้านบาท
          -  "หอการค้าไทย" ฟันธงประโยชน์สินค้า บริการ และลงทุนของประเทศไทย หลัง "อาร์เซ็ป" มีผลบังคับใช้ 1 ม.ค.ที่
ผ่านมา การันตีเป็นการสร้าง "6 โอกาส" ให้ผู้ประกอบการ แต่มี "6 เร่ง" ที่ต้องทำให้พร้อมรับแข่งขัน ดันไทยเข้า "ซีพีทีพีพี" เพราะ
ถ้าไม่เข้าอาจเสียเปรียบการค้า การลงทุน เพราะการเข้าร่วมจะดึงดูดลงทุนเข้าไทยเป็นประตูสู่การค้าโลก
          - ธนาคารโลกลดประมาณการเติบโตทั่วโลกเหลือ 4.1% จากที่คาดการณ์ไว้ 4.3% ในเดือนมิถุนายน ชี้ โควิดระบาดใหม่ 
การอุดหนุนนโยบายลดลงและยังคงมีปัญหาคอขวดซัพพลายเชน ดังนั้นเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวน้อยกว่าที่ได้ประเมินไว้ในก่อนหน้านี้ ด้าน
ประธานธนาคารกลางสหรัฐแถลง เศรษฐกิจสหรัฐแข็งแกร่งดีและต้องการนโยบายการเงินที่เข้มงวดขึ้น พร้อมคาดจะมีการขึ้นดอกเบี้ยหลาย
ชุดในปีนี้ และลดมาตรการพิเศษอื่นๆ ที่เฟดได้ทำในช่วงโควิดระบาด
          - กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้
บริโภค พุ่งขึ้น 7.0% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2525 อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวสอดคล้อง
กับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่
          - นักลงทุนมองว่าดัชนี CPI เดือนธ.ค.ของสหรัฐที่ออกมาสอดคล้องกับการคาดการณ์นั้น จะไม่กดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ 
(เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเวลาที่รวดเร็วไปกว่าที่ส่งสัญญาณไว้ก่อนหน้านี้
          - ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) กล่าวว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อจะยิ่งเพิ่ม
ความอันตราย และตอกย้ำความเหลื่อมล้ำในการพัฒนาเศรษฐกิจระหว่างชาติที่พัฒนาแล้วและชาติที่กำลังพัฒนา
          - ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (12 ม.
ค.) หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์
นี้ ซึ่งรวมถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงาน และยอดค้าปลีก
          - สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 4 ในวันพุธ (12 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของสกุลเงิน
ดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ชะลอตัวลง หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
          - นักลงทุนจับตาคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาของสหรัฐซึ่งจะพิจารณารับรองการแต่งตั้งนายพาวเวลเป็น
ประธานเฟดสมัยที่ 2 ทั้งนี้ แม้ผ่านการรับรองจากคณะกรรมาธิการฯ นายพาวเวลก็ยังจำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจากวุฒิสภาทั้งคณะ โดย
เขาจะต้องได้รับการรับรองจากเสียงส่วนใหญ่ในวุฒิสภา
          - ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., 
การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน