หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าซึมลงกังวลเศรษฐกิจถดถอย รอลุ้นศบค.ผ่อนคลายมาตรการ

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แกว่งซึมลง รับแรงกดดันจากการใช้นโยบายการเงินเข้มงวดของธนาคารกลางทั่วโลก เป็นความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และ ความตึงเครียดรัสเซีย-ยูเครนกดดัน แนะติดตามประชุม ศบค. พิจารณามาตรการสนับสนุนท่องเที่ยว พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และให้แนวต้านไว้ที่ 1,655-1,660 จุด

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะแกว่งตัวในทิศทางที่ซึมตัวลง โดยได้รับแรงกดดันจากการใช้นโยบายทางการเงินที่เข้มงวดจากธนาคากลางหลายๆ แห่งทั่วโลก ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่เศรษฐกิจจะเข้าสู่ภาวะถดถอย

ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล (Bond Yield) อายุ 2 ปี ดีดตัวขึ้นสูงกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ส่งผลให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย โดยตลาดประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะ 12 เดือนข้างหน้า 30% และจะเข้าสู่ภาวะถดถอยในระยะเวลา 2 ปี ข้างหน้า 100%

นอกจากนี้ยังมีความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนที่เพิ่มขึ้นเข้ามากดดันด้วย แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้ติดตามการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค.ชุดใหย่ ที่จะมีการพิจารณามาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวเพิ่มเติม หนุนหุ้นกลุ่มเปิดประเทศ

พร้อมให้แนวรับไว้ที่ 1,630 จุด และให้แนวต้านไว้ที่ 1,655-1,660 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (22 ก.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,076.68 จุด ลดลง 107.10 จุด หรือ -0.35%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,757.99 จุด ลดลง 31.94 จุด หรือ -0.84% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,066.81 จุด ลดลง 153.39 จุด หรือ -1.37%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 18,055.59 จุด ลดลง 92.36 จุด หรือ -0.51% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,106.81 จุด ลดลง 2.10 จุด หรือ -0.07% ตลาดหุ้นโตเกียวปิดทำการวันนี้ (23 ก.ย.) เนื่องในวันหยุดประจำชาติของญี่ปุ่น
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 ก.ย.65.) ที่ระดับ 1,645.29 จุด เพิ่มขึ้น 11.84 จุด, +0.72%
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,373.97 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 ก.ย.65
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน พ.ย.(22 ก.ย.) เพิ่มขึ้น 55 เซนต์ หรือ 0.7% ปิดที่ 83.49 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 ก.ย.) อยู่ที่ 1.22 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 37.37 อ่อนค่าสอดคล้องทิศทางภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 37.25-37.50
  • “อาคม” หารือร่วม “แบงก์ชาติ” สรุปแนวทางดูแล “ค่าบาท-ดอกเบี้ย” หลังเฟดขึ้นดอกเบี้ยล่าสุด 0.75 บาท เผยนโยบายไทยยึด 3 ปัจจัยพิจารณา “เงินเฟ้อ-ขยายตัวเศรษฐกิจ-เงินทุนเคลื่อนย้าย” ฟาก “กูรู” ชี้เฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ย ทำ ธปท.ตกที่นั่งลำบาก “เฟด” จ่อขึ้นดอกเบี้ยอีก 1.25% สิ้นปีนี้ “พาวเวล” ลั่นไม่คิดลดดอกเบี้ยจนกว่าจะบรรลุเป้าคุมเงินเฟ้อ 2% ขณะดอลลาร์แข็งสุดรอบ 20 ปี
  • “ประวิตร” นั่งหัวโต๊ะประชุม ศบค. จ่อเคาะยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยุบทิ้งศบค. ยกเลิก หน่วยงานจัดตั้งตามคำสั่ง โละทิ้งทุกคำสั่ง “สธ.” พร้อมรับมือโควิดระดับเฝ้าระวัง 1 ต.ค.นี้ มั่นใจมาตรการรับมือ “กก.โรคติดต่อ” เตรียมแผนพร้อมรับสถานการณ์ ติดเชื้อไม่แสดงอาการ ไม่ต้องกักตัว
  • “ผู้ส่งออก” ชี้บาทอ่อนผลดี ส่งออก-ท่องเที่ยว รับผวาค่าเงินผันผวนหนักทำแผนธุรกิจป่วน หวังรัฐดูแลเหตุกระทบนำเข้าต้นทุนพุ่ง กดดันราคาสินค้าภายใน “ผู้ส่งออกข้าว” ชี้ผู้ซื้อ ต่อราคาหนัก นักวิชาการหนุนรัฐคุมค่าเงินห่วงเงินเฟ้อในประเทศพุ่งแรงกระทบวงกว้าง
  • ส.อ.ท.เผยว่า การผลิตรถยนต์รวมทุกประเภทเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ 171,731 คัน เพิ่มขึ้น 64.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนเนื่องจากฐานต่ำของปีที่แล้วเพราะการล็อกดาวน์จากโควิด-19 ช่วงกลางเดือน กรกฎาคม-สิงหาคม 2564 และเพิ่มขึ้นจากเดือนกรกฎาคม 2565 จำนวน 20.13% เพราะมีการผลิตรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ขายในประเทศ ส่งผลให้ 8 เดือนแรกปีนี้ (มกราคม-สิงหาคม 2565) การผลิตรถยนต์รวมอยู่ที่ 1,184,800 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.53% โดยมั่นใจว่าการผลิตรถยนต์ตลอดปี 2565 จะได้ 1,750,000 คัน แบ่งผลิตเพื่อส่งออก 900,000 คัน และผลิตขายในประเทศ 850,000 คันตามเป้าหมายที่วางไว้
  • ททท.จับมือผู้ประกอบการท่องเที่ยวญี่ปุ่น 7 ราย ออกแบบแพ็กเกจสุดคุ้มดึงญี่ปุ่นเที่ยวไทย ไตรมาส 4 คาดสอดรับช่วงที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศพอดี ปั้นปีนี้ให้ได้ 3.5 แสนคน ก่อนรุกคืบปีหน้า 1.25 ล้านคน ทูตไทยในญี่ปุ่นเผยนักธุรกิจท่องเที่ยวญี่ปุ่นแนะรัฐบาล ใช้ไทยเป็นตัวอย่างในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว

หุ้นเด่นวันนี้

  • BBL (ดาโอ) เป้าเชิงกลยุทธ์ 140.00 บาท วางหุ้นธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ รับประโยชน์จากดอกเบี้ยขาขึ้น คาดไทยต้องเริ่มปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อรักษา Policy Spread ด้าน BBL ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้มากเพราะมีสัดส่วนสินเชื่อ Corporate กว่า 42% ส่วนราคาหุ้น BBL ค่อนข้าง Laggard ปัจจุบันเทรดบน PBV เพียง 0.53X ฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง NPL ยังต่ำ ความพร้อมในการรับมือต่อภาวะเศรษฐกิจสูงกว่ากลุ่ม DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2565-2566 ที่ 2.89 หมื่น ลบ. และ 3.23 หมื่น ลบ. 9.4%YoY , +11.7%YoY ตามลำดับ
  • ERW (กสิกรไทย) ราคาทางพื้นฐาน 4.56 บาท 1.) คาดจะได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ 2. เราคาดว่า ERW จะพลิกกลับมาทำกำไรได้ในไตรมาส 4/2565 จากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งของ RevPar หลังจากการยกเลิกระบบ Thailand Pass ในเดือนก.ค. 3.) ERW ซื้อขายที่ PER ปี 2567 ราว 28 เท่า ในขณะที่หุ้นโรงแรมส่วนใหญ่ซื้อขายด้วย PER ที่สูงขึ้นในปี 2567 เมื่อเทียบกับปี 2562 ในขณะเดียวกัน เราคาดว่าอัตรากำไรปกติปี 2567 จะอยู่ที่ 9.3% เพิ่มขึ้นจาก 7.3% ใน ปี 2562 จากสัดส่วนรายได้ที่สูงขึ้นจาก HOP INN ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงเมื่อเทียบกับกลุ่มโรงแรมอื่น ๆ เราคาดว่ารายได้จาก HOP INN จะเพิ่มขึ้นจาก 12% ในปี 2562 เป็น 21% ในปี 2567
  • GFPT (กรุงไทย) “ซื้อ” เป้า IAA Consensus 19 บาท คาดได้ประโยชน์หลังจากญี่ปุ่นประกาศเข้าแทรกแซงค่าเงินเยน รวมถึงได้ประโยชน์จากการที่ญี่ปุ่นประกาศเปิดฟรีวีซ่าให้เข้าประเทศได้ตั้งแต่ ต.ค.นี้ คาดจะหนุนดีมานด์ไก่และผลิตภัณฑ์จากไก่ของ GFPT

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 ก.ย. 65)

Tags: , ,
Back to Top