จุรินทร์ควงคุณหญิงกัลยาบุกโคราช เปิดตัว 8 ผู้สมัครส.ส. มั่นใจปักธงได้แน่

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พร้อมทีมจากพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหญ่ มีทั้งอดีต ส.ส. นักการเมืองประชาธิปัตย์รุ่นใหญ่ที่แน่นเหนียวกับอุดมการณ์พรรคมาตลอดจำนวนมาก ร่วมกันเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม)

“ประชาธิปัตย์กับชาวโคราชไม่ใช่คนอื่นไกล และมีความผูกพันกันมาตั้งแต่อดีต คนโคราชเคยให้โอกาสพรรคมาโดยต่อเนื่องหลายยุคหลายสมัย ประชาธิปัตย์เคยปักธงที่โคราชตั้งแต่ปี 2500 เรามีผู้แทนชื่อ น้อย ทินราช นอกจากนั้นยังมีท่านคำมูล สุทธิจันทึก ปี 2518 มี ท่านเจริญ เปรมฤทัยรัตน์ จากนั้นเรามีท่านสมบูรณ์ จีระมะกร ปี 2529 เรามีผู้แทนหลายคน ตั้งแต่ท่านนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ ท่านศรีสกุล พร้อมพันธุ์ และท่านมานะศักดิ์ อินทรโกมาลย์สุต” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว

พร้อมกันนี้นายจุรินทร์ยังกล่าวชูนโยบาย “นครราชสีมาเป็นเมืองหลวงมันสำปะหลังไทย! และเมืองมหานครทันสมัย เชื่อมไทย เชื่อมโลก” ด้วยเกษตร อุตสาหกรรม การค้าและการท่องเที่ยว พร้อมเสนอตัวในการเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้พี่น้องชาวนครราชสีมา โดยขอบารมีย่าโมและชาวโคราชเพื่อนำประชาธิปัตย์ได้มีโอกาส “คัมแบ็คอีกรอบ” ให้กลับมาสร้างความเจริญรุ่งเรือง ทั้งการบริหารเศรษฐกิจ การเมืองต่อไป

จากนั้นจึงได้มีการประกาศเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดนครราชสีมา 8 เขต ท่ามกลางเสียงตะโกน ประชาธิปัตย์ ทำได้ไวทำได้จริง จุรินทร์ สู้ๆ ดังก้องไปทั่วบริเวณลานย่าโม ซึ่งว่าที่ผู้สมัคร 8 คน ประกอบด้วย

– นางสาวสิริเพ็ญโสภา บางท่าไม้ วิศวกรหญิง คนรุ่นใหม่เชี่ยวชาญเรื่องการท่องเที่ยวระหว่างประเทศไทยและญี่ปุ่น

– ว่าที่ร้อยตรี ประภาส บุญเชิด อดีตรองนายกเทศมนตรี ตำบลสระพระ อำเภอพระทองคำ จังหวัดนครราชสีมา

– นายทิว ขุนองค์ จิตอาสาผู้มีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานการเมืองกับพรรคประชาธิปัตย์

– นายกันตพงษ์ พรมกมล อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ตำบลหนองหว้า อำเภอบัวลาย จังหวัดนครราชสีมา

– นายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 4 สมัย

– นางสาวปัณรสี ครุฑขุนทด ทายาทนักการเมืองบุตรสาวนายจำลอง ครุฑขุนทด อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

– พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 6 สมัย

– นายสุกฤษณ์ วัชรมาลีกุล อดีตนักฟุตบอลทีมชาติไทย

โดยหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมว่าที่ผู้สมัครและคณะได้ขึ้นขบวนคาราวานรถตุ๊กตุ๊ก เพื่อเดินทางไปเปิดศูนย์ประสานงานพรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดนครราชสีมา ระหว่างทางมีพี่น้องประชาชนเข้ามาขอจับมือ ตะโกนให้กำลังใจตลอดเส้นทาง โดยขอให้นายจุรินทร์เป็นนายกคนต่อไป เพื่อมาทำให้เศรษฐกิจเมืองโคราชเติบโต ถือเป็นบรรยากาศการเปิดตัวผู้สมัครที่ยิ่งใหญ่และมีความคึกคักเป็นพิเศษ

ภายหลังการเปิดตัวผู้สมัคร พรรคประชาธิปัตย์ จ.นครราชสีมา 8 คน ไปอย่างยิ่งใหญ่ในวันนี้ นายจุรินทร์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ถึงการเปิดตัวผู้สมัคร ที่มีอดีต ส.ส. อย่าง นายประชาธิปไตย คำสิงห์นอก และพ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ จะทำให้พรรคประชาธิปัตย์ มีโอกาสได้ผู้แทนในจังหวัดนครราชสีมาหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า 2 ท่านนี้ถือว่าเป็นผู้สมัครในพื้นที่เป้าหมาย ที่ตนมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องชาวโคราช แต่เราไม่ได้มีเท่านี้ ยังมีว่าที่ผู้สมัครท่านอื่นๆ ที่เราเปิดตัววันนี้ต้องถือว่ามีศักยภาพ และทุกคนมีความรู้ความสามารถที่พร้อมจะเป็นผู้แทนได้ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนมีโอกาสได้รับการเลือกตั้งไม่ต่างกันทุกคน เพราะกว่าเราจะคัดเลือกผู้สมัครได้ ก็ใช้เวลาและดูคนที่มีศักยภาพจริงๆ ครั้งนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่ต้องถือว่าประชาธิปัตย์พร้อมที่สุดยุคหนึ่งสำหรับการเตรียมผู้สมัครในภาคอีสาน ซึ่งจะได้ทยอยเปิดตัวไปเรื่อยๆ ในอีกหลายจังหวัด รวมทั้งที่จังหวัดนครราชสีมา จะมีชุดอื่นๆ ถัดไปจนกระทั่งครบ 16 เขต ซึ่งมีคนรุ่นใหม่หลายคน ที่ตนมั่นใจว่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอีกทางหนึ่งสำหรับชาวโคราช

สำหรับปัญหา พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่มีการกระทบกระทั่งระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เรื่องนี้โฆษกพรรคพูดไปแล้ว ตนโตเกินกว่าที่จะไปพูดเรื่องเสาไฟฟ้าแล้ว ขออนุญาตที่จะไปพูดเรื่องนี้อีก แต่แน่นอนว่าไม่ต้องห่วง เวลาประชาธิปัตย์ตัดสินใจอะไร ทำอะไร พร้อมตอบคำถามประชาชนอยู่แล้ว ทั้งหมดก็ฟังประชาชนมาว่าเขามีความรู้สึกอย่างไรกับเรื่องกัญชาเสรี แล้วก็เป็นห่วงบ้านเมือง เป็นห่วงอนาคตขนาดไหน ถ้าประชาธิปัตย์พึ่งไม่ได้อีกพรรคนึง แล้วประชาชนจะพึ่งใคร เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้เป็นไปเพราะเราต้องการทำหน้าที่พรรคการเมืองที่จะให้เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ เราจึงตัดสินใจว่าทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับอนาคตประเทศระยะยาว และผลประโยชน์สูงสุดคืออะไร เราก็ได้ตัดสินใจไป และพร้อมตอบคำถาม

“ประชาธิปัตย์เป็นสถาบันการเมือง การจะทำอะไร คิดถึงทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ ตอบเฉพาะครั้งนี้ แล้วก็ไปตายเอาดาบหน้า ไม่ใช่พวกเรา เพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจว่าถ้าประชาธิปัตย์ตัดสินใจอะไร คำนึงหมดแล้ว คิดทั้งหน้า ทั้งหลัง ทั้งหมด ครบถ้วน แล้วก็เป็นประโยชน์สูงสุดกับบ้านเมืองแน่นอน เพราะเรายังต้องตอบคำถามวันหน้าด้วย ไม่ใช่ตอบเฉพาะที่จะลงมติวัน สองวันนี้เท่านั้น ประชาธิปัตย์ยังต้องอยู่อีกนาน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

ส่วนที่มีการระบุว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหาทางการเมืองนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาอนาคตของบ้านเมืองระยะยาว ไม่ใช่ปัญหาการเมือง ไม่ได้แปลว่าใครตัดสินใจอะไรไม่ตรงกับเราแล้วจะเป็นเรื่องการเมือง ถ้าเป็นอย่างนั้นตนเห็นว่ามันตื้นเกินไป และปรามาสคนอื่นมากเกินไป คนอื่นก็มีความคิดเป็นของตัวเอง คำนึงถึงประโยชน์บ้านเมืองเหมือนกัน เพราะฉะนั้นตัดสินใจทำอะไรจึงไม่ใช่การเมือง แต่เป็นเรื่องบ้านเมือง เรื่องนี้ตนไม่ประสงค์จะพูดแล้ว เพราะมันต่อความยาวสาวความยืดไปก็ไม่มีประโยชน์

“ขอให้อยู่ที่การตัดสินใจ การลงมือทำของพวกเรา แล้วมันจะเป็นเครื่องพิสูจน์ เป็นคำตอบต่อไปอีกยาวนานในอนาคตว่าสิ่งที่เราตัดสินใจ มันถูกต้องหรือไม่ เพื่อประโยชน์บ้านเมืองระยาวจริงหรือไม่ ตรงกับใจประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศขณะนี้เป็นห่วงใช่หรือไม่ มันจะมีคำตอบในตัวของมันเอง ที่เราตัดสินใจนี้ ประโยชน์ส่วนตัวมีหรือไม่ หรือว่าเป็นเรื่องประโยชน์ส่วนรวมแท้ๆ เราห่วงอนาคตบ้านเมืองจริงๆ ใช่หรือไม่ มันมีคำตอบแน่นอน ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องมาบอกเรา เราคิดเป็น เราตัดสินใจเองเป็น แล้วเราคำนึงประโยชน์บ้านเมืองเองเป็น ไม่อย่างนั้นอยู่มาไม่ได้ถึงวันนี้ ตั้ง 76 ปี จะไป 78 79 ปีต่อไป แล้วจะไม่พูดอีกแล้วนะ” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ต่อข้อซักถามอีกว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นปัญหารอยร้าวต่อไปหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เราต้องเคารพจุดยืนทางการเมืองในการทำงานร่วมกัน ไม่ว่าในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล หรือในฐานะสมาชิกรัฐสภาด้วยกัน เราต้องเคารพความเห็นอื่นที่เป็นความเห็นต่าง ไม่ใช่ใครไม่เห็นด้วยกับเรา คิดไม่ตรงกับเราแล้วเรามาใช้อารมณ์กับคนที่เขาไม่เห็นด้วยกับเรา อันนี้นับหนึ่งก็คิดผิดแล้ว หรือนับหนึ่งก็ทำผิดแล้ว ถ้าใช้วิธีนี้ ถ้าเราไม่เคารพกัน บ้านเมืองจะเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เพราะประชาธิปไตยจะต้องเคารพความเห็นต่าง

ส่วนคำถามที่ถามว่าในการประชุม ครม. จะมีโอกาสพูดคุยเพื่อปรับความเข้าใจกันหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่เป็นไร การตัดสินใจอะไรบนพื้นฐานความถูกต้อง มันนำไปสู่สิ่งที่ดีงามเสมอ ไม่ว่าจะด้วยวิธีทางการเมืองอย่างไร หรือด้วยวิถีทางไหนอย่างไร

“ผมมีวุฒิภาวะ ไม่ต้องห่วง ทำงานการเมืองมายาวนาน มีประสบการณ์ตามสมควร เป็นผู้แทนมาหลายสมัยแล้ว ผมรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่ถูก อะไรคือสิ่งที่ควร อะไรคือประโยชน์ส่วนรวม อะไรคือประโยชน์ส่วนตัว เรามีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง การทำงานร่วมกันอะไรควรทำอย่างไรไม่ต้องห่วง ผมรู้ว่าควรจะทำอะไรอย่างไร ไม่ต้องกังวล ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเราก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำให้รัฐบาลเดินหน้าต่อไปได้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

พร้อมกับเพิ่มเติมอีกด้วยว่า สำหรับ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง นี้ไม่ใช่กฎหมายที่ ครม. เสนอ ไม่ใช่กฎหมายรัฐบาล แต่เป็นกฎหมายเฉพาะของพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งพรรคอื่นเขาก็มีสิทธิ์ที่จะเห็นด้วย หรือไม่เห็นด้วย ไม่ได้แปลว่ามันเป็นกฎหมายของคณะรัฐมนตรี ซึ่งถ้าอันนี้มันอาจจะมีประเด็นทางการเมืองในระบบรัฐสภากำกับว่า ถ้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องยกมือให้ ถ้าไม่ยกมือให้แล้วเกิดแพ้เสียงในสภา รัฐบาลก็ต้องลาออก หรือยุบสภา พรรคการเมืองที่ไม่สนับสนุนรัฐบาลแต่ยังร่วมรัฐบาล เอาแต่การร่วมรัฐบาลแต่ไม่รับผิดชอบร่วมกับรัฐบาล อันนั้นมันจะทำให้รัฐบาลมีปัญหาอยู่ไม่ได้ แต่อันนี้ไม่ใช่กฎหมายครม. จะได้ชัดเจน

“สำหรับผม หากไม่จำเป็นก็จะไม่พูดแล้ว อธิบายไปตามสมควรแล้ว ก็เป็นหน้าที่สมาชิกพรรค ซึ่งเขามีสิทธิ์พูด มีสิทธิ์ให้ความเห็น ในสภาเขาก็คงต้องพูด ต้องชี้แจง อธิบายเหตุผลว่าทำไมเขาเป็นห่วงบ้านเมือง ทำไมเขาไม่สนับสนุนกัญชาเสรีเพราะอะไร อันนั้นเป็นหน้าที่ ถ้าเขาไม่พูดเขาก็ไม่ทำหน้าที่ แต่สำหรับผม ถ้าจะมาตอบโต้ทางการเมืองนั้น ผมคิดว่าไม่จำเป็นผมจะไม่พูด ยกเว้นว่าถ้ามีประเด็นใหม่ที่มันจำเป็นขึ้นมา ไม่อธิบายเดี๋ยวเข้าใจผิด เข้าใจไขว้เขว อันนั้นก็ค่อยว่ากัน” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวในที่สุด

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 65)

Tags: , , ,
Back to Top