ดาวโจนส์ปิดร่วง 410.32 จุด วิตกโควิด-19 ฉุดเศรษฐกิจทรุด

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (31 มี.ค.) และเมื่อพิจารณาตลอดไตรมาส 1/2563 ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติทรุดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,917.16 จุด ร่วงลง 410.32 จุด หรือ -1.84%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,584.59 จุด ลดลง 42.06 จุด หรือ -1.60%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,700.10 จุด ลดลง 74.05 จุด หรือ -0.95%

เมื่อพิจารณาตลอดทั้งเดือนมี.ค. ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงทั้งสิ้น 13.7% ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงลง 12.5% และดัชนี Nasdaq ลดลง 10.1%

หากพิจารณาตลอดทั้งไตรมาส 1/2563 ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลง 23.2% ทำสถิติดิ่งลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ดัชนี S&P500 ร่วงลง 20% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 14.2%

ตลาดหุ้นนิวยอร์กยังคงได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐและยุโรปที่พบการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว จนทำให้ทางรัฐบาลต้องประกาศล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส ซึ่งมาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเป็นวงกว้าง

ทั้งนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 ได้บดบังปัจจัยบวกจากรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สดใสของจีนและสหรัฐ โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค.พุ่งขึ้นแตะระดับ 52 จากระดับ 35.7 ในเดือนก.พ.โดยดัชนี PMI ที่เคลื่อนไหวเหนือระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัวได้ดี

ทางด้านผลสำรวจของ Conference Board ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐอยู่ที่ระดับ 120.0 ในเดือนมี.ค. ซึ่งแม้ว่าลดลงจากระดับ 132.6 ในเดือนก.พ. แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 110.0

หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลงหนักสุดในบรรดาหุ้น 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น ดิ่งลง 7.03% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ลดลง 1.1% หุ้นเฟิร์สท์ เอนเนอร์จี ลดลง 1.04% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี ร่วงลง 3.2% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ ร่วงลง 3.4% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคร่วงลง 4%

หุ้นโดมิโนส์ พิซซา อิงค์ ร่วงลง 6.5% แม้ทางบริษัทคาดการณ์ว่า ยอดขายทั่วโลกในไตรมาสแรกปีนี้จะเพิ่มขึ้น 4.4% เนื่องจากคำสั่งให้ประชาชนอยู่ในแต่บ้านในช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด จะช่วยหนุนความต้องการอาหารแบบจัดส่งถึงบ้าน

หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ฟื้นตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 5.18% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 7.5% หุ้นเชฟรอน บวก 0.7% หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.2%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 3.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.7% ในเดือนธ.ค. ขณะที่ดัชนีราคาบ้านใน 20 เมืองของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 3.1% ในเดือนม.ค. หลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนธ.ค.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนมี.ค.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคการผลิตเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), การใช้จ่ายภาคการก่อสร้างเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.พ., ดัชนีภาวะธุรกิจนิวยอร์กเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.พ., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 เม.ย. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top