เงินบาทเปิด 32.90/92 ต่อดอลล์ หลังดอลลาร์อ่อนจากตัวเลขแรงงานสหรัฐฯพุ่ง

นักบริหารเงินจากธนาคากรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 32.90/92 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.00 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทแข็งค่าขึ้น หลังจากดอลลาร์สหรัฐปรับตัวอ่อนค่าลง เนื่องจากเมื่อคืนนี้ในการรายงานตัวเลขการขอรับสวัสดิการการว่างงานของชาวอเมริกัน พุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.6 ล้านคน ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

“ยอดผู้มาลงชื่อขอรับสวัสดิการว่างงานในสหรัฐพุ่งไป 6.6 ล้านคน ตรงนี้แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์โควิด-19 ยังเป็นตัวกดดันเศรษฐกิจและภาคธุรกิจของสหรัฐ ทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง” นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-32.90 บาท/ดอลลาร์ และเชื่อว่าวันนี้บาทคงไม่กลับไปแตะระดับ 33.00 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (2 เม.ย.) อยู่ที่ระดับ 1.14799% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.96707%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 107.93/95 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 107.29 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.053/0857 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0933 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.0680 บาท/ดอลลาร์
  • นายกฯ ประชุม ศบค.ย้ำทุกหน่วยร่วมมือ-อย่าขัดแย้ง สั่งชะลอเข้า ปท.ถึง 15 เม.ย. ประกาศเคอร์ฟิวทั่วไทย 22.00-04.00 น. ฝ่าฝืนโทษแรงทั้งคุกและปรับ เว้นมีเหตุจำเป็นผู้ปฏิบัติงาน
  • นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมนำมาตรการเยียวยาผลกระทบจากไวรัสโควิดชุดที่ 3 เข้าที่ประชุมครม.นัดพิเศษวันที่ 3 เม.ย. นี้ เพื่อให้รับทราบถึงแนวทางของชุดมาตรการ งบประมาณที่จะต้องใช้ รวมถึงแหล่งที่มาของงบประมาณ ซึ่งอาจมีทั้งการออก พ.ร.ก.กู้เงิน และ พ.ร.บ.โอนเงินงบประมาณ และหากมีการอนุมัติจะนำเสนอเข้าสู่ ครม.ในสัปดาห์หน้าวันที่ 7 เม.ย.ต่อไป
  • สทท.ยื่นหนังสือ 4 ฉบับส่งตรงถึง “ประยุทธ์-สมคิด-พิพัฒน์-อัศวิน” ขอให้สั่งปิดธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ธุรกิจขนส่งนักท่องเที่ยว เพื่อให้ลูกจ้างได้รับเงินทดแทนจากกองทุนประกันสังคม จากคำสั่งทางปกครอง พร้อมขอให้ผ่อนปรนคุณสมบัติการยื่นกู้เงิน พร้อมขอตั้งกองทุนฟื้นฟูผู้ประกอบการท่องเที่ยว 1.5 แสนล้านบาท ของดจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยเงินกู้เดิม 6 เดือน
  • ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หากกรณีสถานการณ์ย่ำแย่ หรือเกิดภาวะช็อกจากโควิด-19 จะทำให้การเติบโตจีดีพีของจีนอาจขยายตัวได้เพียง 0.1% จากคาดการณ์เดิมปี 2562 ว่าจะเติบโต 6.1% ขณะที่ ภูมิภาคเอเชียตะวันออก และแปซิฟิกจะติดลบ 0.5% จากประมาณการเดิม 5.8% พร้อมคาดว่าจีดีพีไทยจะติด
    ลบ 3-5% จากภาคการท่องเที่ยวและส่งออก ซึ่งเป็นตัว ขับเคลื่อนหลักติดลบ
  • เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำของโลก ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐไว้ที่ระดับ AA+/A-1+ โดยแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือมีเสถียรภาพ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่บริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ก็ได้ประกาศคงอันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐเช่นกันในสัปดาห์ที่ผ่านมา S&P คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงราว 1.3% ในปีนี้ ก่อนจะฟื้นตัว 3.2% ในปี 2564 และ 2.5% ในปี 2565
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.6 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.1 ล้านรายตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่มีการรายงานในสัปดาห์ที่แล้วที่ระดับ 3.3 ล้านราย
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาดขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเกือบ 3% เมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานที่พุ่งขึ้นเกินคาด ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมี.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
  • ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)
  • นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค.ของสหรัฐจะลดลง 100,000 ตำแหน่ง โดยการจ้างงานในภาคเอกชนลดลง ขณะที่การจ้างงานในภาครัฐเพิ่มขึ้น จากการที่รัฐบาลจ้างพนักงานสำหรับการทำสำรวจสำมะโนประชากรประจำปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 เม.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top