ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เปิดเผยว่า ฝรั่งเศสจะขยายมาตรการการล็อกดาวน์ทั่วประเทศไปจนถึงวันที่ 11 พ.ค.นี้ เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสถาบันสาธารณสุขภายในประเทศ
นายมาครงกล่าวแถลงผ่านทางโทรทัศน์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่ 3 หลังจากโควิด-19 แพร่ระบาดว่า “การแพร่ระบาดนั้นเริ่มชะลอตัวลง ตามผลลัพธ์ที่เห็น เนื่องจากความพยายามของทุกๆ ท่าน เราจึงเห็นความก้าวหน้าในทุกๆ วัน”
นายมาครง ระบุว่า “เรามีความหวังขึ้นอีกครั้ง แต่การแพร่ระบาดก็ยังไม่สงบลง” พร้อมกล่าวว่า “ทุกๆ ที่บนดินแดนฝรั่งเศสหรือต่างประเทศ ระบบสาธารณสุขต่างเผชิญแรงกดดัน และยังไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสได้”
นายมาครงกล่าวเสริมว่า “ดังนั้น เราจำเป็นต้องพยายามต่อไปและบังคับใช้กฎเดิม ยิ่งเราปฎิบัติตามกฎมากเท่าไร เราจะยิ่งสามารถช่วยเหลือชีวิตผู้คนได้มากเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลที่เราต้องดำเนินมาตรการการจำกัดที่เข้มงวดต่อไปจนถึงวันที่ 11 พ.ค.”
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียง 2 วันก่อนที่มาตรการล็อกดาวน์ซึ่งเริ่มใช้เมื่อวันที่ 17 มี.ค. จะสิ้นสุดลงในวันที่ 15 เม.ย.นี้ และก่อนหน้านี้ มาตรการดังกล่าวเคยขยายระยะเวลามาแล้วเมื่อวันที่ 28 มี.ค.ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ประชาชนยังสามารถเดินทางออกจากบ้านเพื่อไปซื้ออาหารและยา หรือทำงาน ขณะที่ธุรกิจที่ไม่มีความจำเป็น ตลาดกลางแจ้ง และโรงเรียน ได้ถูกสั่งปิด
ทั้งนี้ ประชาชนยังสามารถออกไปเดินเล่น หรือออกกำลังกายได้วันละครั้ง ซึ่งไม่เกิน 1 ชั่วโมง และอยู่ภายในระยะทาง 1 กิโลเมตรจากบ้าน ส่วนมาตรการลงโทษผู้ที่ฝ่าฝืนนั้นจะมีความรุนแรงมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 เม.ย. 63)
Tags: COVID-19, ฝรั่งเศส, ล็อกดาวน์, เอ็มมานูเอล มาครง, โควิด-19