KBANK ผุดโครงการ ‘เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ’ งบ 500 ลบ. ช่วยผู้ประกอบการ-พนง.

นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกิตติคุณ (Chairman Emeritus) ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยและถือเป็นครั้งแรกที่ได้รับผลกระทบถ้วนหน้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ พนักงานและประชาชนทั่วไป

ทั้งนี้ หนทางที่จะช่วยให้พวกเราทุกคนผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ คือ การร่วมมือร่วมใจและให้การข่วยเหลือซึ่งกันและกัน จึงได้ริเริ่มโครงการ “เถ้าแก่ใจดี เจ้าหนี้มีใจ” ขึ้นมา ซึ่งเป็นโครงการที่มีเจตนารมณ์เพื่อช่วยเหลือพนักงานที่มีรายได้น้อยให้สามารถอยู่รอดได้ในสถานการณ์ตอนนี้ เป็นความร่วมมือระหว่างธนาคารและภาคธุรกิจด้วยการลดดอกเบี้ยและเพิ่มเงินทุนให้กับธุรกิจ เพื่อช่วยให้มีกำลังจ้างพนักงานให้มีงานทำต่อเนื่อง มีรายได้ พร้อมช่วยลดภาระหนี้ต่างๆ

ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมโครงการในช่วงนำร่องมี 2 ราย คือ โรงแรมในเครือกะตะธานี และเครือกะตะกรุ๊ป ซึ่งทั้ง 2 รายเป็นเครือโรงแรมขนาดใหญ่ในจังหวัดภูเก็ต และอยู่ในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมากจากโรคโควิด-19 แต่ทั้ง 2 โรงแรมมีความรับผิดชอบในการดูแลพนักงานทุกคน โดยไม่มีการเลิกจ้าง หรือให้หยุดงานโดยไม่รับเงินเดือน ซึ่งในจังหวัดภูเก็ตมีผู้ประกอบการ 127 รายที่สามารถเข้าร่วมโครงการ ซึ่งธนาคารใช้งบประมาณช่วยเหลือ 100 ล้านบาท ตั้งเป้าช่วยพนักงาน 3,000 คน เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งเป้าใช้งบทั้งโครงการราว 500 ล้านบาท คาดหวังช่วยพนักงาน 15,000 คน

การช่วยเหลือภายใต้โครงการดังกล่าวธนาคารจะติดต่อลูกค้าผู้ประกอบการเพื่อเชิญเข้าร่วมโครงการ โดยมีรายละเอียดของมาตรการช่วยเหลือทางการเงินทั้งด้านธุรกิจและพนักงาน ได้แก่ มาตรการช่วยเหลือธุรกิจ และมาตรการช่วยเหลือพนักงาน โดยมาตรการช่วยเหลือภาคธุรกิจที่กู้ยืมเงินสินเชื่อเดิมอยู่ ได้แก่ การลดดอกเบี้ย ระยะเวลา 6 เดือน การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน พร้อมกับเพิ่มวงเงินสินเชื่อใหม่เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและดูแลพนักงานสำหรับผู้ประกอบการที่เป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ

ขณะที่มาตรการช่วยเหลือและดูแลพนักงาน ในส่วนของบัตรเครดิตกสิกรไทย และบัตรเงินด่วน ธนาคารจะลดดอกเบี้ย 6% ถึงก.ย. 63 และพักชำระเงินต้น จ่ายแต่ดอกเบี้ยถึงเดือน ธ.ค. 63 ส่วนสินเชื่อเงินด่วน ธนาคารจะลดดอกเบี้ย 6% ถึงก.ย.นี้เช่นเดียวกัน การพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 3 เดือน ส่วนสินเชื่อบ้านจะพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6 เดือน และสินเชื่อรถยนต์จะพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย 6เดือน

ทั้งนี้ธนาคารคาดหวังว่าความช่วยเหลือภายใต้โครงการนี้ จะสามารถช่วยเหลือพนักงานให้ผ่านพ้นช่วงนี้ไปให้ได้ และจะขยายผลโครงการไปยังจังหวัดอื่นๆต่อไป ส่วนมาตรการอื่นๆที่ตะออกมาเพิ่มเติมนั้นธนาคารได้มีการเตรียมการไว้แล้ว ซึ่งธนาคารยังมีเครื่องมือต่างๆในการช่วยเหลือลูกค้าได้เพิ่มเติมอีก หากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัสโวิด-19 ยังไม่คลี่คลายลง โดยที่ธนาคารมีเงินทุนรองรับการออกมาทำมาตรการที่ช่วยเหลือลูกค้าของธนาคารทุกกลุ่ม พร้อมร่วมมือกับผู้ประกอบการซึ่งเป็นลูกค้าของธนาคารในการช่วยเหลือและดูแลพนักงานของผู้ประกอบการให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ทุกคนสามารถอยู่รอดและผ่านพ้นในภาวะวิกฤตินี้ไปด้วยกัน

“วิกฤติเศรษฐกิจในครั้งนี้ระบบธนาคารยังมีความสามารถในการรองรับแรงกระแทกได้มากกว่าวิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในประเทศเมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา ตอนนี้อย่าคาดหวังกำไรมาก เพราะทุกคนจะต้องควักเนื้อออกมาช่วยเหลือลูกค้า รวมถึงผู้ประกอบการเองก็ต้องควักเนื้อออกมาดูและธุรกิจและพนักงาน ผมอยากให้มาตรการที่ออกมาช่วยเหลือเข้าไปถึงทุกกลุ่มให้มากที่สุด โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ระดับล่างสุดที่เข้าได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะพนักงานระดับล่างๆ ทำให้เขาสามารถอยู่ได้ จึงจำเป็นที่ธนาคารและผู้ประกอบการร่วมมือกันเข้ามาช่วยเหลือพนักงาน โดยที่ในส่วนของธนาคารก็จะแทงศูนย์ หรือไม่คิดดอกเบี้ยกับผู้ประกอบการ ก็นำส่วนนี้เข้ามาช่วยเหลือพนักงานของผู้ประกอบการ ซึ่งช่วยกันคนละครึ่งกับผู้ประกอบการต่างๆที่เข้าร่วม ต่างคนต่างควักเนื้อออกมาช่วยกัน”

นายบัณฑูร กล่าว

นอกจากนี้ยังมีมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่กำลังจะออกมาในการให้สินเชื่อ Soft loan ที่หน่วยงานภาครัฐออกมาตรการมาให้ปล่อยสินเชื่อผ่านระบบช่วยเหลือผู้ประกอบเอสเอ็มอีผ่านธนาคารพาณิชย์ แต่อยากให้สินเชื่อในส่วนนี้ลงไปถึงกลุ่มที่มองว่ากำลังจะล้มแล้วมากกว่ากลุ่มอื่นๆที่ยังมีความสามารถในการดำเนินธุรกิจได้อยู่ ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทางสมาคมธนาคารกำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา เพื่อให้สินเชื่อ Soft loan ในครั้งนี้เข้าไปแก้ปัญหาและช่วยเหลือได้ถูกกลุ่ม ทำให้ไม่เกิดความโกลาหลของการแก้ปัญหาอย่างการช่วยเหลือในอดีตที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มที่ไม่ควรได้รับประโยชน์ได้ประโยชน์จากมาตรการช่วยเหลือไป

นายสมบัติ อติเศรษฐ์ ประธานกรรมการบริหารโรงแรมในเครือกะตะธานี เปิดเผยว่า ทุกวิกฤติที่ผ่านมาถือว่าเป็นโอกาส ทำให้ภาคธุรกิจเอกชนได้เรียนรู้และแข็งแกร่งขึ้น วิกฤตโควิด-19 ครั้งนี้ มีผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชากรโลก ทุกประเทศในโลกต้องเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะด้านสาธารณสุข การแพทย์ การศึกษา และการบริหารจัดการประเทศ เพื่อเตรียมความพร้อมไว้ต่อสู้กับวิกฤตต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเวลา นับจากนี้ไปเป็นโอกาสดีของคนไทยทุกภาคส่วนที่จะต้องทิ้งความคิดแบบเดิมๆ และวิถีเดิมๆเพื่อเตรียมตัวรับการเปลี่ยนแปลง

นายประมุขพิสิฐ อัจฉริยะฉาย ประธานกรรมการบริหาร โรงแรมในเครือกะตะกรุ๊ป เปิดเผยว่า พนักงานเป็นทรัพย์สินอันทรงคุณค่าของธุรกิจ ไม่เคยคิดเลิกจ้างพนักงาน ในสถานการณ์ปกติพนักงานช่วยทำงาน สร้างความมั่งคั่งให้ธุรกิจในยามเจอวิกฤตก็ต้องฝ่าฟันไปด้วยกัน เพราะเชื่อมั่นว่ายามที่พนักงานลำบากแล้วเจ้าของไม่ทอดทิ้ง คอยประคับประคองให้พนักงานอยู่ได้ เมื่อวันที่โรงแรมกลับมาเปิดอีกครั้ง พนักงานทุกคนจะกระตือรือล้น มุ่งมั่นและรักในองค์กรมากขึ้น จึงอยากแนะนำให้องค์กรต่างๆรักษาพนักงานช่วยเหลือและอย่าทอดทิ้ง ขณะนี้มีเพียงธนาคารแห่งเดียว คือ ธนาคารกสิกรไทยที่เล็งเห็นความสำคัญของพนักงาน นี่คือคุณธรรมล้ำเลิศของผู้บริหารธนาคาร

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 เม.ย. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top