พลังงาน รับพิจารณาข้อเสนอส.อ.ท. อุ้ม 32 กลุ่มอุตสาหกรรมประคองตัวช่วงโควิด

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงพลังงานพร้อมจะพิจารณาข้อเสนอของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ที่ให้รัฐบาลช่วยเหลือด้านพลังงานไฟฟ้าเพิ่มเติมจากมาตรการที่กระทรวงได้ดำเนินการไปแล้ว เพื่อเป็นการช่วยเหลือ 32 กลุ่มอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้ปริมาณการผลิต คำสั่งซื้อ และผลประกอบการลดลงกว่า 70% ขณะที่ยังคงมีภาระแบกรับค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าอย่างต่อเนื่อง

สำหรับมาตรการที่ส.อ.ท.ส่งรายละเอียดเพิ่มเติมให้กับภาครัฐ หลังจากที่ก่อนหน้านี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้มาเป็นประธานการประชุมพิจารณามาตรการช่วยเหลือเรื่องค่าไฟฟ้า เนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาดโรคโควิด-19 เพิ่มเติมให้กับกลุ่มผู้ประกอบการภาคเอกชนไปแล้วนั้น ประกอบด้วย

  1. การขอให้ขยายระยะเวลาการผ่อนผันการเรียกเก็บค่าไฟฟ้าขั้นต่ำ 70% (Demand Charge) ออกไปจนถึงสิ้นปี 63 แก่ผู้ประกอบการประเภทที่ 3-7 จากเดิมที่กำหนดมาตรการช่วยเหลือเวลา 3 เดือน คือในเดือนมี.ค.-พ.ค. 63
  2. เห็นด้วยกับความช่วยเหลือจากกระทรวงพลังงานเรื่องการช่วยเหลือค่าไฟฟ้าให้กับภาคประชาชน แต่ขอให้พิจารณาเรื่องเงินที่ช่วยเหลือดังกล่าวต้องไม่นำไปกระทบค่าไฟฟ้าผันแปร (เอฟที) ในอนาคต โดยเสนอให้หักเงินช่วยเหลือส่วนนี้จากรายได้ของการไฟฟ้าแทนที่นำส่งกระทวงการคลัง
  3. เรื่องการคำนวนค่าเอฟที เสนอให้มีการประเมินด้วยวิธีการที่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริงเร็วขึ้น โดยใช้วิธีการคำนวณแบบ 3 Month Moving Average และเทียบเป็นรายไตรมาส

“สำหรับมาตรการลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้เสนอหารือกับ ทางกระทรวงพลังงานนั้น ในเรื่อง Demand Charge ทางกกพ.ได้ดำเนินการแล้วโดยจะเร่งออกประกาศเพื่อทราบ ในสัปดาห์หน้า ส่วนในเรื่องค่าเอฟที และเงินช่วยเหลือค่าไฟฟ้า กระทรวงพลังงานจะพิจารณาร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป”

นายสนธิรัตน์ กล่าว

สำหรับ 32 กลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องนุ่งห่ม ยานยนต์ ชิ้นส่วนและอะไหล่ยานยนต์ เครื่องสำอาง สิ่งทอ หนังและผลิตภัณฑ์หนัง รองเท้า อัญมณีและเครื่องประดับ เหล็ก ปูนซีเมนต์ หลังคาและอุปกรณ์ แกรนิตและหินอ่อน แก้วและกระจก เซรามิค โรงเลื่อยและโรงอบไม้ ไม้อัด ไม้บางและวัสดุแผ่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องจักรกลและโลหะการ เครื่องจักรกลการเกษตร ต่อเรือซ่อมเรือและก่อสร้างงานเหล็ก หล่อโลหะ ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์และโทรคมนาคม สมุนไพร น้ำมันปาล์ม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โรงกลั่นน้ำมันปิโตรเลียม ปิโตรเคมี ก๊าซ พลังงานหมุนเวียน หัตถกรรมสร้างสรรค์ การจัดการเพื่อสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยีชีวภาพ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 เม.ย. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top