เงินบาทเปิดตลาด 32.45 ต่อดอลล์ วิตกตัวเลขศก.แต่ละประเทศ

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.45 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าจากปิดตลาดช่วงเย็นวันอังคารที่ระดับ 32.39 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่ระหว่างสหรัฐกับจีน ประกอบกับตัวเลขเศรษฐกิจของแต่ละประเทศที่ประกาศออกมามีทิศทางแย่ลง

“บาทอ่อนค่าจากช่วงปิดตลาดเมื่อวันอังคาร เนื่องจากนักลงทุนปิดรับความเสี่ยงจากความกังวลเรื่องสงครามการค้ารอบใหม่ ทิศทางบาทวันนี้น่าจะแกว่งตัวในกรอบ”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงินประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ระหว่าง 32.30-32.50 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (5 พ.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.49259% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.70633%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 106.28 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันอังคารที่ระดับ 106.79 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.0797 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันอังคารที่ระดับ 1.0848 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.3810 บาท/ดอลลาร์
  • ที่ประชุม กกร.วันนี้ เตรียมพิจารณาปรับลดเป้าหมายตัวเลขการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของประเทศไทยในปีนี้ลง หลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • คณะผู้นำจีนกำลังพิจารณายกเลิกการกำหนดเป้าหมาย GDP ของจีนประจำปี 2563 ในการประชุมสภาประชาชนแห่งชาติจีน (NPC) หรือ “ฉวนกั๋วเหรินต้า” ชุดที่ 13 ครั้งที่ 3 ในวันที่ 22 พ.ค.นี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดทั่วโลกของไวรัสโควิด-19 ทำให้สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนเผชิญกับความไม่แน่นอน
  • ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีประชุมนโยบายการเงินและแถลงมติอัตราดอกเบี้ยในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคาดว่า BoE จะตรึงดอกเบี้ยหลังปรับลดสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา
  • สหรัฐประกาศจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ในวันนี้ ขณะที่จะประกาศตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนเม.ย. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนมี.ค.ในวันพรุ่งนี้ (8 พ.ค.)
  • สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) ทำสถิติปิดในแดนลบเป็นวันแรกในรอบ 6 วันทำการ เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะน้ำมันล้นตลาด แม้มีรายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นน้อยกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์และการผลิตน้ำมันดิบปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ตาม โดยสัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 57 เซนต์ หรือ 2.3% ปิดที่ 23.99 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงหลุดจากระดับ 1,700 ดอลลาร์เมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนเทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากมีรายงานว่า รัฐต่างๆในสหรัฐได้เริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง โดยสัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนมิ.ย. ร่วงลง 22.1 ดอลลาร์ หรือ 1.29% ปิดที่ 1,688.5 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สกุลเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (6 พ.ค.) หลังจากมีรายงานว่า ศาลรัฐธรรมนูญเยอรมนีขีดเส้นตายเป็นเวลา 3 เดือนให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ชี้แจงการซื้อสินทรัพย์ตามมาตรการ QE โดยยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.0803 ดอลลาร์ จากระดับ 1.0851 ดอลลาร์
  • ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนซึ่งมาร์กิตจัดทำร่วมกับไฉซิน อยู่ที่ระดับ 44.4 ในเดือนเม.ย. ซึ่งแม้ว่าปรับตัวขึ้นจากระดับ 43 ในเดือนมี.ค. แต่ดัชนีที่เคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของจีนยังคงอยู่ในภาวะหดตัว โดยภาคบริการของจีนอยู่ในภาวะหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 เนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ อันเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
  • สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ประเมินสถานการณ์รายอุตสาหกรรมเป็น 3 กลุ่มถึงโอกาสในการฟื้นตัวในตลาดโลก เพื่อเสนอให้รัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือทางด้านการเงิน เบื้องต้นพบว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วที่สุด หรือฟื้นตัวในลักษณะรูปตัววี เริ่มตั้งแต่ช่วงไตรมาสที่ 2-3 ของปี 63 มีด้วยกัน 6 กลุ่ม ประกอบด้วยอาหาร, เครื่องจักร, อิเล็กทรอนิกส์, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, ผลิตภัณฑ์ยาง (เฉพาะกลุ่มเวชภัณฑ์การแพทย์, และชิ้นส่วนยานยนต์) เนื่องจากกลุ่มคำสั่งซื้อต่อเนื่องและจะเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับความต้องการสินค้าในหลายๆ ตลาด
  • “แบงก์พาณิชย์” ส่อลดสาขาเพิ่ม หลังวิกฤติโควิด เหตุพฤติกรรมลูกค้าเริ่มเปลี่ยน หันใช้โมบายแบงกิ้งมากขึ้น “เอสซีบี” ชี้ “โควิด-19” เร่งให้สาขาแบงก์ลดลงเร็วขึ้น “กสิกร” เตรียมจัดวางกำลังคนใหม่ เร่งรีสกิลสร้างแวลูให้พนักงาน ขณะ “กรุงศรี-กรุงเทพ” ยอมรับสาขายังจำเป็น แต่จำนวนส่อลดลง ด้าน “ศูนย์วิเคราะห์ทีเอ็มบี” เผย ตั้งแต่ต้นปี 2563 สาขาแบงก์ลดลงแล้ว 73 สาขา ขณะรอบ 1 ปีที่ผ่านมา “ไทยพาณิชย์” ลดมากสุดถึง 113 สาขา

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 พ.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top