คาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 30.85-31.25 ต่อดอลล์

ติดตามประชุมกนง.-ตัวเลขส่งออกกลางสัปดาห์นี้

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เผยมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 30.85-31.25 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดอ่อนค่าที่ 30.99 บาท/ดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทย 1.4 หมื่นล้านบาท แต่ซื้อพันธบัตรสุทธิ 8.1 พันล้านบาท ขณะที่เงินดอลลาร์แข็งค่าเทียบกับสกุลเงินหลักส่วนใหญ่ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการระบาดระลอกสองของโควิด-19 ในหลายประเทศ แม้ว่ายอดค้าปลีกของสหรัฐฯ จะปรับตัวดีขึ้นเกินคาด แต่ภาพรวมนักลงทุนยังคงเข้าถือครองสินทรัพย์ปลอดภัย เนื่องจากวิตกว่าอาจจะเกิดการล็อกดาวน์รอบใหม่ซึ่งจะฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

สำหรับปัจจัยในประเทศจะมีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 24 มิ.ย.63 มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.50% โดยเราประเมินว่า กนง.จะมุ่งใช้เครื่องมือที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยนโยบายเพื่อฟื้นฟูและเยียวยาเศรษฐกิจซึ่งได้รับผลกระทบรุนแรงจากโควิด-19 รวมถึงการรักษาเสถียรภาพของระบบสถาบันการเงิน

อนึ่ง BAY ระบุว่า เห็นด้วยกับประเด็นที่ทางการให้ธนาคารพาณิชย์เสริมสร้างเงินกองทุนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่มีความไม่แน่นอนสูง โดยท่าทีดังกล่าวบ่งชี้ถึงความระมัดระวังของผู้ดำเนินนโยบายและส่งเสริมความรอบคอบของทุกภาคส่วนในภาวะที่ไม่ปกติ อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินอาจมีความผันผวนในระยะสั้น นอกจากนี้นักลงทุนจะให้ความสนใจกับข้อมูลส่งออกและนำเข้าเดือนพฤษภาคมที่กระทรวงพาณิชย์จะประกาศช่วงกลางสัปดาห์เช่นกัน

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ฯ มองว่า นักลงทุนจะยังคงติดตามยอดผู้ป่วยโควิด-19 ที่พุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แถลงต่อสภาว่ายังไม่มีแนวโน้มว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้เต็มที่จนกว่าประชาชนจะมั่นใจว่าโรคระบาดอยู่ภายใต้การควบคุม

นอกจากนี้ ประธานเฟดระบุว่า อัตราดอกเบี้ยอาจจะอยู่ใกล้ 0% ต่อไป โดยเฟดจะยังคงดำเนินมาตรการซื้อพันธบัตรเพื่อกดดันต้นทุนการกู้ยืมระยะยาวให้ลดต่ำลง ขณะที่สภาจำเป็นต้องดำเนินบทบาทในส่วนของมาตรการกระตุ้นทางการคลังเพิ่มขึ้นด้วย

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เฟดประกาศเข้าซื้อหุ้นกู้ซึ่งครอบคลุมตราสารหนี้ภาคเอกชนในวงกว้าง ส่วนโครงการปล่อยสินเชื่อสำหรับบริษัทขนาดกลางและเล็กมีความคืบหน้ามากขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย ส่วนธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) ประกาศปรับเพิ่มขนาดมาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ขึ้นอีก 1 แสนล้านปอนด์ ตามที่ตลาดคาดไว้ อย่างไรก็ตาม บีโออีคาดว่าการปรับเพิ่ม QE นี้จะครอบคลุมการเข้าซื้อตราสารจนถึงสิ้นปี 2563 บ่งชี้ว่าอัตราการเข้าซื้อพันธบัตรจะชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับช่วงแรกของวิกฤตไวรัส

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 มิ.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top