เฟดวิตกเศรษฐกิจสหรัฐสะดุดหลังยอดโควิดพุ่งต่อเนื่อง แนะรัฐเยียวยาเพิ่ม

บรรดาผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต่างก็แสดงความวิตกว่า ยอดติดเชื้อโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภคและการจ้างงาน ขณะที่โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจบางโครงการใกล้จะสิ้นสุดลง แต่กรรมการเฟดบางคนก็ยังคงยืนยันว่า เฟดจะยังคงให้การสนับสนุนเศรษฐกิจสหรัฐต่อไป

นายริชาร์ด คลาริดา รองประธานเฟดเปิดเผยกับซีเอ็นเอ็น อินเตอร์เนชันแนลเมื่อวานนี้ว่า “เรามีมาตรการผ่อนคลายจำนวนมาก เรายังสามารถดำเนินการ และจะดำเนินการได้อีกมาก”

นายคลาริดากล่าวว่า เฟดไม่จำกัดจำนวนการซื้อพันธบัตร และสามารถผ่อนคลายนโยบายการเงินลงอีกด้วยการส่งสัญญาณบ่งชี้ล่วงหน้า และจะสนับสนุนการปล่อยกู้ต่อไปตราบเท่าที่จำเป็น

นายคลาริดาระบุว่า ขณะที่มีหลักฐานที่น่ายินดีว่า เศรษฐกิจสหรัฐได้ดีดตัวในเดือนพ.ค.และมิ.ย.ที่ผ่านมา แต่เฟดก็จะยังคงจับตาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 อย่างใกล้ชิด

ด้านนายราล์ฟ บอสติก ประธานเฟดสาขาแอตแลนตาเปิดเผยในการประชุมผ่านเว็บคาสต์ในเทนเนสซีว่า บรรดาเจ้าของธุรกิจมีความวิตกอีกครั้ง โดยเชื่อว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อาจจะยืดเยื้อกว่าที่พวกเขาวางแผนรับมือ

นายบอสติกกล่าวว่า ในช่วง 3-6 สัปดาห์ข้างหน้า อัตราการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะชะงักงัน และชะลอลงกว่าที่คาดไว้

ด้านนางแมรี ดาลี ประธานเฟดสาขาซานฟรานซิสโกแสดงความเห็นในทิศทางเดียวกันในงานสัมมนาที่จัดโดยสมาคมนักเศรษฐศาสตร์ธุรกิจแห่งชาติ

ทั้งนี้ สหรัฐมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นถึง 7.5 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ค.และมิ.ย. หลังจากสหรัฐเปิดทำการเศรษฐกิจและสภาคองเกรสอนุมัติมาตรการกระตุ้นด้านการคลังหลายล้านล้านดอลลาร์ในเดือนมี.ค.เพื่อช่วยเหลือคนว่างงานและธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ

นางดาลีกล่าวว่า การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นดังกล่าวบ่งชี้ว่า “ตลาดแรงงานอยู่ในภาวะที่ดีขึ้นกว่าที่ดิฉันคิดไว้ แต่ยังไม่ใกล้เคียงกับที่ควรจะเป็น” โดยในปัจจุบัน บริษัทของสหรัฐมีการจ้างงานน้อยกว่าในเดือนก.พ. 14.7 ล้านคน และอัตราการว่างงานที่ระดับ 11.1% ก็ยังสูงกว่าที่เคยเกิดขึ้นนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่

นางดาลีคาดว่า การว่างงานจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากรัฐบาลระดับรัฐและระดับท้องถิ่นจำเป็นจะต้องปลดพนักงาน หลังจากรายได้จากภาษีลดลง ขณะที่การใช้จ่ายเกี่ยวกับบริการเครือข่ายความปลอดภัยเพิ่มสูงขึ้น

นางดาลีและเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ ระบุว่า ขณะที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด ประชาชนก็ยังไม่ต้องการออกไปรับประทานอาหารนอกบ้าน หรือดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่มีความเสี่ยง

ด้านนางลอเรตตา เมสเตอร์ ประธานเฟดสาขาคลีฟแลนด์เปิดเผยในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีว่า “เราเปิดเศรษฐกิจในเดือนพ.ค.และกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวได้ค่อนข้างดี แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้เริ่มชะลอลง และดิฉันคิดว่าอาจเป็นเพราะจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น ไม่เพียงแต่ในรัฐโอไฮโอ แต่ทั่วประเทศ”

ในช่วงสิ้นเดือนก.ค.นี้ โครงการช่วยเหลือของรัฐบาลต่อภาคธุรกิจและครัวเรือนบางโครงการจะสิ้นสุดลง ซึ่งรวมถึงการมอบเงินช่วยเหลือ 600 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ให้กับคนว่างงานซึ่งได้ช่วยเพิ่มการใช้จ่ายของครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำ

นางเมสเตอร์กล่าวว่า “ประชาชนต้องการความช่วยเหลือมากขึ้น และดิฉันคิดว่ารัฐบาลระดับรัฐและระดับท้องถิ่นก็ต้องการความช่วยเหลือมากขึ้นด้วย”

นางเมสเตอร์คาดว่า เศรษฐกิจสหรัฐต้องใช้เวลานานในการฟื้นตัว และคาดว่าสภาคองเกรสจะต้องอนุมัติมาตรการช่วยเหลือด้านการคลังเพิ่มขึ้น

ส่วนนายโธมัส บาร์กิน ประธานเฟดสาขาริชมอนด์เปิดเผยเมื่อวานนี้ว่า หากไม่มีมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติม เศรษฐกิจสหรัฐจะเผชิญความเสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากบางธุรกิจและครัวเรือนเผชิญความยากลำบากในการชำระหนี้และค่าใช้จ่ายต่างๆ

นายบอสติกแสดงความเห็นว่า รัฐบาลสหรัฐอาจจะต้องพิจารณาอย่างจริงจังในการเพิ่มความช่วยเหลือเพื่อเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ก.ค. 63)

Tags: , ,
Back to Top