แนวโน้มหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่ง 1,300-1,355 จุด ลุ้นรัฐกระตุ้น ศก.รอบใหม่

บล.โกลเบล็ก (GLOBLEX) ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้เคลื่อนไหวในกรอบดัชนีที่ระดับ 1,300 -1,355 จุด โดยเริ่มมีสัญญาณเชิงบวกในประเทศเล็กน้อย ต่อกรณีที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ คาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปีนี้ จะฟื้นตัวจากที่หดตัว 12.2% ในช่วงไตรมาส 2/63 เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กลับมาดีกว่าช่วงที่ล็อกดาวน์ในไตรมาส 2

พร้อมกันนี้คาดการณ์ว่าจะเห็นความคืบหน้าเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ หลังการประชุมนัดแรกของคณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ จากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบศ.) ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 19 ส.ค.นี้

ขณะเดียวกันปัจจัยในต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่ประเทศรัสเซีย ประกาศเริ่มผลิตวัคซีนโควิด-19 “สปุตนิก ไฟว์” ล็อตแรกเพื่อการพาณิชย์แล้ว หลังผู้นำประเทศประกาศความสำเร็จในการพัฒนา โดยมีหลายประเทศสั่งซื้อ นอกจากนี้ หัวหน้าที่ปรึกษาเศรษฐกิจทำเนียบขาวได้ออกมาประเมินทิศทางเศรษฐกิจสหรัฐ กำลังดีดตัวขึ้นเป็นรูปตัว V ดังจะเห็นได้จากการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจดีกว่าเดือนที่แล้ว

นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังคงแกว่งตัวผันผวนตามทิศทางตลาดโลก โดยมีแรงหนุนจากข่าวความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของรัสเซีย ขณะที่ปัจจัยกดดันหลักยังอยู่ที่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหม่ของสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้า รวมถึงประเด็นการเมืองในประเทศที่มีความไม่แน่นอนจากการชุมนุมทางการเมืองเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและยุบสภา ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นญัตติด่วนขอแก้ไขรัฐธรรมนูญและมีสมาชิกวุฒิสภาบางรายเสนอให้เปิดประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อหารือแนวทางแก้รัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักลงทุนยังคงต้องจับตาคือการประชุมครม.ในวันนี้ (18 ส.ค.) และในวันที่ 19 ส.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะเผยแพร่รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ฉบับย่อ และศบศ.จะประชุมนัดแรก

ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ดังนั้น มองว่าจากกรณีที่มีวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ทำให้ช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในวิธีการป้องกันการแพร่ระบาดที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ส่งผลดีต่อการเปิดให้มีการเดินทางข้ามประเทศอีกครั้ง ซึ่งทำให้ภาคการท่องเที่ยวมีโอกาสที่จะฟื้นตัว ทั้งนี้ สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) ประเมินว่ากว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักเหมือนเดิมคงต้องใช้ระยะเวลาถึงปี 67

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาสัญญาณทางเทคนิค ต้องยอมรับว่าราคาหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรมลดลงปรับข่าวร้ายในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นโอกาสที่จะฟื้นตัวทางเทคนิคในระยะสั้นจึงมีความเป็นไปได้ ทางฝ่ายวิจัยจึงประเมินกลยุทธ์การลงทุน ในระยะสั้น โดยแนะนำลงทุนหุ้นที่ได้ประโยชน์จากความคืบหน้าด้านวัคซีน และการท่องเที่ยว อาทิ AOT- MINT- ERW- CENTEL- VRANDA- SPA และ SHR นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นที่ผลประกอบการออกมาดีกว่าที่คาดการณ์และมีแนวโน้มไปได้ต่อ อาทิ VCOM- BGRIM- CHG และ TSR

ส่วนราคาทองคำ มองว่าราคาทองคำปรับตัวลงจากแรงขายทำกำไรหลังรัสเซียประสบความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ทั้งนี้คาดว่ารัสเซียจะเริ่มผลิตวัคซีนฯ ได้ภายใน 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ ทองคำปรับตัวขึ้นกว่า 27% ตั้งแต่ต้นปีซึ่งสูงกว่าสินทรัพย์เสี่ยงอื่น ๆ ยังให้ผลตอบแทนติดลบทำให้เป็นเป้าหมายในการทำกำไร

และคาดว่ารัฐบาลประเทศต่างๆ อาจยุติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจส่งผลให้ทองคำไม่ได้รับความสนใจในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยอีกต่อไป คาดกรอบราคาทองคำเดือนนี้ 1,900-2,000 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ หรือคิดเป็นราคาทองคำไทยที่ 27,880-29,200 บาทต่อบาททองคำ โดยหากราคาหลุดแนวรับที่ 1,900 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ให้ระวังแรงขายออกเพิ่มเติม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 ส.ค. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top