SENA มั่นใจรายได้ปี 63 เข้าเป้าหวังยอดโอน H2 หนุนแม้ H1 ไม่ถึง 50%

นางสาวเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจรายได้ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ 10,056 ล้านบาท หลังจากปรับลดเป้าหมายเดิมที่ 1.06 หมื่นล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดโอนกรรมสิทธิ์แล้ว 2,902 ล้านบาท

ขณะที่ครึ่งปีหลังจะมีการโอนกรรมสิทธิ์ราว 5,863 ล้านบาท จากยอดขายรอโอน (Backlog) ที่มีราว 11,497 ล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยโอนในช่วงปี 64-65

ทั้งนี้ 2 โครงการหลักที่มีการโอนในช่วงครึ่งปีหลังที่จะทำให้บริษัทมีการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ โครงการนิช ไพรด์ เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ และนิช โมโน เจริญนคร

“ด้วยยอด Backlog ที่บริษัทมีอยู่ค่อนข้างมากจึงมั่นใจว่ายอดโอนกรรมสิทธิ์ปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ แต่อย่างไรก็ตามเราคงต้องติดตามยอดการปฏิเสธสินเชื่อที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น และการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดในการปล่อยสินเชื่อ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ NPL ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ก็มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารจะเข้มงวดกฎเกณฑ์ในการปล่อยกู้ ซึ่งอาจจะกระทบให้ยอดโอนไม่เป็นไปตามที่บริษัทคิดไว้”

นางสาวเกษรา กล่าว

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 8,400 ล้านบาท หลังปรับลดลงจากเดิมตั้งไว้ที่ 1.15 หมื่นล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายแล้วที่ 3,118 ล้านบาท

สำหรับทิศทางผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากช่วงครึ่งปีแรก โดยเป็นผลมาจากการที่บริษัทเตรียมโอนโครงการจำนวนมาก ขณะที่มองว่าที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต หากผู้ที่ยังไม่มีบ้านหรือที่อยู่อาศัยมองว่าเป็นช่วงระยะเวลาที่ดีในการซื้อ เนื่องจากราคาขายของโครงการต่างๆต่ำกว่าในช่วงระยะเวลาปกติด้วย

นางสาวเกษรา กล่าวว่า บริษัทปรับแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ให้สอดรับกับสถานการณ์การตลาดและกำลังซื้อในปัจจุบัน จากเดิมจะเปิด 10 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 7,500 ล้านบาท ลดลงมาเหลือ 6 โครงการ รวมมูลค่า 3,100 ล้านบาท ซึ่งเปิดขายไปแล้ว 3 โครงการในช่วงไตรมาส 1 ดังนั้นจะเปิดขายอีก 3 โครงการในช่วงครึ่งปีหลัง ประกอบด้วย เดอะ คิทท์ พลัส พหลโยธิน-คูคต (เฟส 2) , เสนา วีว่า เพชรเกษม พุทธมณฑลสาย 7 และ เสนา คิทท์ เทพารักษ์-บางบ่อ (JV)

พร้อมกันนั้น บริษัทได้จัดทำแผนเพื่อรับมือกับสถานการณ์ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ภายใต้มาตรการ “SENA Zero COVID” โดยวางแผนการบริหารปรับลดค่าใช้จ่ายขายและบริหารลดลง และยังได้ออกแคมเปญเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคต่างๆ อาทิ แคมเปญ SENA X Shopee เป็นครั้งแรกบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

นอกจากนั้น ยังมีแนวทางที่จะเพิ่มประสิทธิการบริหารจัดการต้นทุนให้ได้สูงสุด เพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับที่ดี และมีแผนที่จะพัฒนาโครงการเพื่อตอบโจทย์ให้กับผู้ที่ต้องการที่อยู่อาศัย โดยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมด้านพลังงานไปติดตั้งให้กับบ้านทุกหลัง โดยเฉพาะประเภททาวน์โฮม เพราะเชื่อว่าจะช่วยให้ผู้มีรายได้ปานกลางสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีเทคโนโลยีด้านพลังงาน

โดยปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างดำเนินการอยู่ทั้งหมด 36 โครงการ มูลค่ารวมราว 24,000 ล้านบาท

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 63)

Tags: , , , , , ,
Back to Top