“อนุสรณ์”แนะกนง.ใช้นโยบายดอกเบี้ย 0% หากปีหน้าเงินเฟ้อยังติดลบ

นายอนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการธนาคารแห่งประเทศไทย และอดีตคณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ ม.รังสิต เปิดเผยถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินแบบ Average Inflation Targeting ของธนาคารกลางสหรัฐฯ สอดคล้อง Flexible Inflation Targeting ของธนาคารแห่งประเทศไทยในการเผชิญความท้าทายเศรษฐกิจถดถอยและเงินเฟ้อต่ำมาก นโยบายการเงินดังกล่าวของไทยเหมาะสมต่อสถานการณ์ แต่ต้องทำเชิงรุกมากขึ้นอีกจากการที่ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ มีการเลิกจ้างจำนวนมาก และการทรุดตัวของภาคเกษตรกรรมจากน้ำท่วมและภัยแล้ง

Economy

นายอนุสรณ์ ได้วิเคราะห์ผลของการเปลี่ยนมาใช้นโยบายการเงินแบบเงินเฟ้อเป้าหมายเฉลี่ย หรือ Average Inflation Targeting ของธนาคารกลางสหรัฐ จะมีผลต่อระบบเศรษฐกิจและระบบการเงินโลกในหลายมิติ ดังนี้

การที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2% แต่ยืดหยุ่นมากขึ้น ด้วยการนำเอาค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อที่ผ่านมาคำนวณด้วย เพื่อให้เกิดเสถียรภาพราคาและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเติบโตอย่างมีเสถียรภาพในระยะปานกลางและระยะยาว และเพื่อรับมือกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการว่างงานได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น การนำเอาค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อมาพิจารณา ทำให้ธนาคารกลางยังไม่ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย แม้นอัตราเงินเฟ้อในอนาคตจะสูงกว่าระดับ 2% ในทันที อัตราเงินเฟ้อต้องสูงกว่า 2% ยาวนานพอเพื่อทำให้ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2% จึงขึ้นดอกเบี้ยได้ เพราะในช่วงนี้ ช่วงที่ผ่านมา และในอนาคตอันใกล้ เงินเฟ้อต่ำกว่า 2% ค่อนข้างมาก เงินเฟ้อที่ต่ำมากเกินเป็นความเสี่ยงของระบบเศรษฐกิจถดถอยถลำลึกและยาวนาน ฉะนั้น นโยบายการเงินแบบดอกเบี้ยต่ำมากจะอยู่กับเราไปอีกนานมาก อย่างน้อย 2-3 ปี

ในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินเมื่อปี ค.ศ. 2008 ธนาคารกลางสหรัฐฯ พบว่าเงินเฟ้อในสหรัฐมักอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2% มาตลอดยกเว้นปี ค.ศ. 2011-2012 ส่งผลให้ธนาคารกลาง มีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อต่ำ ทำให้มีแนวคิดที่จะปล่อยให้เงินเฟ้อปรับเพิ่มขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงกับดักการขยายตัวต่ำกว่าศักยภาพมากๆในระยะปานกลางและระยะยาว

การใช้เครื่องมือ “เป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย” (Average Inflation Targeting) ในการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯเมื่อวันที่ 15-16 ก.ย. ในเมืองแจคสัน โฮล แนวนโยบายการเงินดังกล่าวจะทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวสูงกว่าผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้นเพิ่มขึ้น ขณะที่นักลงทุนพากันเทขายพันธบัตรและโยกเงินลงทุนไปซื้อสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น ช่วยพยุงให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับขึ้นต่อได้แต่การปรับตัวขึ้นจะถูกจำกัดโดยผลประกอบการที่ย่ำแย่และยังไม่ฟื้นตัวดีนักในช่วงครึ่งปีหลัง

ขณะที่ราคาทองคำยังคงปรับฐานลดลงได้อีก แต่ก็สามารถปรับขึ้นได้หากตัวเลขเศรษฐกิจไม่ดี ดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงต่อเนื่อง ธนาคารกลางประเทศต่างๆยังคงเพิ่มทองคำในทุนสำรองระหว่างประเทศ และนักลงทุนและบรรดากองทุนต่างๆโยกเงินทุนมายังทองคำที่เป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย ความผันผวนและช่วงความเคลื่อนไหวของราคาสินทรัพย์ในตลาดการเงินจะเพิ่มขึ้นจาก การใช้นโยบายการเงินแบบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ย

“แนวทางนโยบายการเงินดังกล่าวจึงเป็นทั้ง “โอกาส” และ “ความเสี่ยง” ของนักลงทุนในตลาดการเงิน และเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการและระบบเศรษฐกิจที่ภาวะต้นทุนทางการเงินต่ำจะอยู่ไปอีกยาวนาน ช่วยบรรเทาปัญหาภาระหนี้สินไม่ให้รุนแรงมากกว่าเดิม” นายอนุสรณ์กล่าว

นายอนุสรณ์ ยังกล่าวถึงอุปสงค์ภายในประเทศหรือตลาดโลกเกิดภาวะ Pending Demand ในเดือน ก.ค. และในเดือน ส.ค. เป็นภาวะฟื้นตัวของอุปสงค์ชั่วคราวเท่านั้น จากความต้องการที่ถูกปิดกั้นเอาไว้ในช่วงปิดเมือง และการเพิ่มขึ้นของ Pending Demand ไม่ได้เป็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใดๆ ทั้งสิ้น ตราบเท่าที่คนจำนวนมากยังว่างงานและไม่มีรายได้ที่มั่นคง อุปสงค์ที่ถูกกดทับจากการปิดเมืองจะค่อยๆ ลดลงอีก จากการที่หลายประเทศต้องปิดเมืองอีกรอบหนึ่งจากการะบาดระลอกสอง

สถานการณ์การแพร่ระบาดและการติดเชื้อโควิด-19 ในไทยดีกว่าหลายประเทศมาก จึงเป็นข้อได้เปรียบของเศรษฐกิจไทย หากเปิดการท่องเที่ยวต้องไม่ให้เกิดความเสี่ยงการแพร่ระบาดระลอกสอง และต้องควบคุมการลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมายของแรงงานประเทศเพื่อนบ้านให้ดี เศรษฐกิจภายในและภาคส่งออกของไทยจะทรุดตัวลงกว่าช่วงสองเดือนที่ผ่านมา (ก.ค.และส.ค.) หากเกิดการแพร่ระบาดระลอกสองแล้วต้องปิดเมืองอีก

ดอลลาร์อ่อนค่าลงจาก นโยบายการเงินแบบเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยจะทำให้เงินบาทแข็งขึ้น ซ้ำเติมภาคส่งออกไทยเพิ่มขึ้นอีก การใช้นโยบายการเงินแบบเงินเฟ้อเป็นเป้าหมาย (Flexible Inflation Targeting) ของแบงก์ชาติเหมาะสมกับสถานการณ์แล้วแต่ต้องทำเชิงรุกมากกว่าเดิม เศรษฐกิจไทยนั้นเผชิญอัตราเงินเฟ้อติดลบ มีกำลังการผลิตส่วนเกินอยู่จำนวนมาก อาจเกิดภาวะฟองสบู่แตกจากการลงทุนส่วนเกินจำนวนมากในพื้นที่ EEC กิจการท่องเที่ยวและธุรกิจอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และห้างสรรพสินค้าเครือข่ายธุรกิจค้าปลีก นอกจากนี้ ภาวะการเลิกจ้าง การล้มละลาย และปิดกิจการขนาดย่อม ขนาดเล็ก ขนาดกลางยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภาคเกษตรกรรมที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและภัยแล้ง

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้อาจทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานปี พ.ศ. 2563 ต่ำกว่าเป้าหมายของกระทรวงพาณิชย์และธนาคารแห่งประเทศไทย อัตราเงินเฟ้อทั่วไปครึ่งปีหลังอาจจะยังติดลบต่อเนื่องที่ระดับ -3.0 ถึง -2.0% ยกเว้นเดือน ก.ค.และ ส.ค.ที่อาจติดลบไม่มากนัก ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานน่าจะอยู่ที่ 0% หรือ ติดลบเล็กน้อย หากมีสัญญาณว่าอัตราเงินเฟ้อยังคงติดลบต่ออีกในปี พ.ศ. 2564 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินควรพิจารณาใช้นโยบายดอกเบี้ย 0%

“สิ่งนี้ต้องทำควบคู่กับการผ่อนคลายสินเชื่อและต้องทบทวน “แนวคิดอนุรักษ์นิยม” ในการบริหารนโยบายการเงินซึ่งจะแก้วิกฤติเศรษฐกิจไม่ได้ ต้องทบทวนแนวคิดเสียใหม่ และต้องไม่คิดว่าการพิทักษ์และป้องกันไม่ให้เกิดการล้มละลายในภาคธุรกิจ หรือการเข้าเพิ่มทุนเพื่อไม่ให้สถาบันการเงินล้ม เป็น “แนวคิดแบบสังคมนิยม” การแทรกแซงกลไกตลาดโดยรัฐอาจมีความจำเป็น เพื่อต่อสู้กับภาวะวิกฤติที่เอกชนหรือกลไกตลาดไม่สามารถรับมือได้ดีนัก”

นายอนุสรณ์ระบุ

พร้อมมองว่า การเพิ่มทุนของระบบธนาคารพาณิชย์และธุรกิจอุตสาหกรรมต่างๆ อาจเกิดขึ้นในช่วงปลายปีหรือต้นปีหน้า เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของระบบธนาคารพาณิชย์ในการรับมือกับปัญหาหนี้เสียที่พุ่งสูงขึ้นตั้งแต่ไตรมาสสี่เป็นต้นไป และเพื่อให้ธุรกิจอุตสาหกรรมมีเงินทุนเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ หลายกิจการไม่สามารถก่อหนี้เพิ่มเติมได้แล้วและจำเป็นต้องเพิ่มทุน หากพิจารณาในมุมของเศรษฐกิจมหภาค รัฐบาลอาจจำเป็นต้องเข้ามาเพิ่มทุนให้กับธนาคารรัฐบางแห่ง เพิ่มทุนให้กับธุรกิจอุตสาหกรรมบางส่วน การเพิ่มทุนต้องมีขนาดใหญ่พอและกว้างขวางพอจึงฟื้นเศรษฐกิจได้ เอกชนที่มีความสำคัญทางยุทธศาสตร์ของประเทศ เมื่อได้รับการเพิ่มทุนแล้ว ต้องโอนกิจการมาเป็นของรัฐชั่วคราว เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวจึงค่อยลดขนาดการถือหุ้นของรัฐหรือลดความเป็นเจ้าของของรัฐ หรือแปรรูปกิจการดังกล่าวให้เป็นเอกชนผ่านกลไกตลาด

มาตรการที่เสนอนี้ต้องมีเป้าหมาย มีหลักเกณฑ์ มีกลไกกำกับดูแล รวมทั้งต้องมีการดำเนินการอย่างโปร่งใสและยึดหลักธรรมาภิบาล ไม่เช่นนั้นแล้วจะก่อให้เกิดการเล่นพรรคเล่นพวกเอื้อประโยชน์อย่างมาก เกิดการทุจริตคอร์รัปชันอย่างมโหฬาร หากไม่เชื่อมั่นว่าระบบของรัฐไทยทำได้อย่างโปร่งใส นโยบายนี้ไม่ควรนำมาใช้ และยังคงต้องอาศัยกลไกธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำต่อไป หากยังไม่ได้ผลอีก หรือผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อได้น้อยมาก ต้องใช้กลไกค้ำประกันสินเชื่อ หรือต้องทำให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเป็น สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำมากพิเศษ หรือธนาคารพาณิชย์คิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูงกว่าดอกเบี้ยฝากประจำ 2 ปีเฉลี่ยทั้งระบบเพียงเล็กน้อย หรือประมาณไม่เกิน 1.5%

นายอนุสรณ์ กล่าวอีกว่า โครงสร้างระบบทุนนิยโลกได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างชัดเจน ทุนนิยมโลกจะไม่เผชิญปัญหาอัตราเงินเฟ้อสูงไปอีกหลายปี โครงสร้างระบบเศรษฐกิจกลายเป็น เศรษฐกิจดิจิทัล มากขึ้นตามลำดับ มูลค่าของตลาดหุ้นไฮเทค หรือตลาดหุ้น NASDAQ อยู่ที่ 9.1 ล้านล้านดอลลาร์ มีมูลค่าสูงกว่า ตลาดหุ้นหลักๆ ของยุโรปรวมกันซึ่งอยู่ที่ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์ การที่เศรษฐกิจได้แปรเปลี่ยน หรือ Transform เป็นเศรษฐกิจแบบดิจิทัลมากขึ้นตามลำดับ ทำให้ธุรกรรมต่างๆ ทางเศรษฐกิจมีต้นทุนต่ำลง ธุรกิจแพลตฟอร์มทำให้การแข่งขันเพิ่มขึ้น ตัดคนกลางหรือตัวกลางออก ใช้พลังงานลดลง ทำให้ราคาสินค้าและบริการลดลงอย่างชัดเจน

“โจทย์ของปัญหาเศรษฐกิจโลก จึงไม่ใช่อัตราเงินเฟ้ออีกต่อไป แต่โจทย์ของเศรษฐกิจโลกตอนนี้ คือ ทำอย่างไรให้คนมีกำลังซื้อ มีงานทำ รวมทั้ง ลดความเหลื่อมล้ำและอำนาจผูกขาดในช่องทางในการกระจายสินค้าและบริการ”

นายอนุสรณ์กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ส.ค. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top