บลจ.พรินซิเพิล แนะเทรนด์ลงทุน H2/63 เพิ่มพอร์ต REITs หวังรับผลตอบแทน 4-6%

นายวิน พรหมแพทย์ , CFA ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บลจ.พรินซิเพิล เปิดเผยว่า สถานการณ์การลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงไตรมาส 2/63 แม้จะฟื้นตัวอย่างรวดเร็วเกินกว่าพื้นฐานเศรษฐกิจที่แท้จริง แต่ก็ยังมีโอกาสปรับฐาน ทำให้นักลงทุนยังต้องระมัดระวังและพร้อมรับมือกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เพราะคาดว่าภาพรวมเศรษฐกิจยังต้องใช้เวลาที่จะฟื้นตัวจากสถานการณ์โควิด-19

ดังนั้น การลงทุนในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ควรเน้นกระจายการลงทุนด้วยกลยุทธ์ Stay Invested Stay Diversified โดยแนะนำให้ปรับพอร์ตการลงทุนด้วยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนใน REITs และ Infrastructure Fund ที่ราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่าหุ้น เพื่อคาดหวังผลตอบแทนระดับ 4-6%

ทั้งนี้ สะท้อนจากดัชนี Global REITs Index ในไตรมาส 2/63 มีอัตราผลตอบแทน -18.7% แต่หากพิจารณาผลตอบแทนจากเงินปันผลโดยเฉลี่ยซึ่งอยู่ที่ 3.9% ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจ และโดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลที่ให้อัตราผลตอบแทนเพียง 0.3% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะทรงตัวในระดับต่ำไปอีกนาน เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังต้องใช้ระยะเวลาฟื้นตัว การลงทุนใน REITs จึงน่าจะกลับมาได้รับความน่าสนใจมากขึ้น โดยเฉพาะ REITs ที่ลงทุนในสินทรัพย์กลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์และโลจิสติกส์ ยังให้ผลตอบแทนในไตรมาส 2/63 เป็นบวกหรือติดลบเล็กน้อย เช่น Frasers Logistics & Industrial Trust, Keppel DC REIT ที่ยังคงมีอัตราเช่าพื้นที่ในระดับสูง

“เราแนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุนใน REITs เพื่อคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทน 4-6%”

นายวิน กล่าว

นายวิน กล่าวว่า นักลงทุนสามารถลงทุนผ่าน 2 กองทุนของบลจ.พรินซิเพิล ที่เน้นลงทุนใน REITs และ Infrastructure Fund ที่มีศักยภาพและได้รับผลกระทบไม่มากจากโควิด-19 โดยส่วนใหญ่เป็น REITs ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์และลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก และ Infrastructure Fund ที่จดทะเบียนในไทยและสิงคโปร์ ได้แก่ พรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัม D หรือ PRINCIPAL iPROP-D ซึ่งกองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (หากมีปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการลงทุนดังกล่าว ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก) โดยมีอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน (สิ้นสุด 31 กรกฎาคม 2563) อยู่ที่ 4.57% เทียบกับดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 1.83%

กองทุนเปิดพรินซิเพิล พร็อพเพอร์ตี้ อินคัมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ PRINCIPAL iPROPRMF ให้อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือนอยู่ที่ 4.65% เทียบกับดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 1.83%

ขณะเดียวกัน ทีมจัดการมีมุมมองเชิงบวกกับการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เนื่องจากเป็นหนึ่งในประเทศที่บริหารจัดการโรคระบาดได้ดีแม้มีการระบาดรอบที่ 2 แต่จำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตสะสมยังอยู่ในระดับต่ำ จึงทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนามคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้จะอยู่ที่ 3.6% มีปัจจัยสนับสนุนคือตัวเลขการลงทุนทางตรงจากต่างชาติ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่ 1.88 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 6 แสนล้านบาท)

ส่วนตัวเลขการค้าระหว่างประเทศยังอยู่ในระดับที่ดี จากมูลค่าการส่งออกช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ยังคงเพิ่มขึ้น 0.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีมูลค่าการนำเข้าสินค้าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 2.9% โดยมีหุ้นที่น่าสนใจ อาทิ FPT Corporation (FPT) ผู้นำด้านไอที เอาต์ซอร์สซิ่ง, Vincom Retial (VRE) ซึ่งเป็นผู้บริหารศูนย์การค้ารายใหญ่

ปัจจุบัน บลจ.พรินซิเพิล มีกองทุนเปิดพรินซิเพิล เวียดนาม อิควิตี้ (PRINCIPAL VNEQ-A) ที่ลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม เน้นหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี เติบโตเร็ว มีสภาพคล่องและ Valuation เหมาะสม พร้อมทั้งกำหนดสัดส่วนการลงทุนหุ้นแต่ละบริษัทในระดับเหมาะสมเพื่อป้องกันความเสี่ยง โดยกองทุนฯ ดังกล่าวให้อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน (สิ้นสุด 31 กรกฎาคม 2563) อยู่ที่ 2.62% เทียบกับดัชนีอ้างอิงอยู่ที่ 0.92%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ก.ย. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top