ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 454.84 จุด รับแรงซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย-หุ้นเทคโนฯ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 450 จุดเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) ทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.ปีนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภค ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังที่ว่าบริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการที่ประชาชนต้องพึ่งพาระบบออนไลน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,100.50 จุด เพิ่มขึ้น 454.84 จุด หรือ +1.59%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,580.84 จุด เพิ่มขึ้น 54.19 จุด หรือ +1.54%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,056.44 จุด เพิ่มขึ้น 116.77 จุด หรือ +0.98%

ในการซื้อขายระหว่างวัน ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ “Beige Book” ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อยและยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่หลังจากนั้นไม่นาน นักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 29,000 จุด และทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค.ปีนี้

สำหรับหุ้นในกลุ่มสินค้าผู้บริโภคนั้น หุ้นโคคา โคล่า พุ่งขึ้น 4.21% หุ้นเป๊ปซี่โค โค พุ่งขึ้น 2.95% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ปรับตัวขึ้น 1.21% หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เพิ่มขึ้น 1.74%

ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคนำโดยหุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 4.68% หุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.42% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.88% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ ทะยานขึ้น 3.73%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.93% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 3.8% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.87% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.92%

หุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ปิดลบ 0.57% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายทรุดตัวลง 35.1% ในไตรมาส 2 เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 28.2% แม้ว่ายอดขายผ่านระบบออนไลน์พุ่งขึ้น 53%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แม้มีการเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.17 ล้านตำแหน่ง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 6.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือนมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 450 จุดเมื่อคืนนี้ (2 ก.ย.) ทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.ปีนี้ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฎจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) เช่นหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภค ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความหวังที่ว่าบริษัทเทคโนโลยีจะได้ประโยชน์สูงสุดจากการที่ประชาชนต้องพึ่งพาระบบออนไลน์ในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 ยังคงแพร่ระบาด

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,100.50 จุด เพิ่มขึ้น 454.84 จุด หรือ +1.59% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,580.84 จุด เพิ่มขึ้น 54.19 จุด หรือ +1.54% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,056.44 จุด เพิ่มขึ้น 116.77 จุด หรือ +0.98%

ในการซื้อขายระหว่างวัน ดัชนีดาวโจนส์อ่อนแรงลงหลังจากรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ “Beige Book” ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐกระเตื้องขึ้นเพียงเล็กน้อยและยังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน แต่หลังจากนั้นไม่นาน นักลงทุนได้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มสาธารณูปโภคซึ่งเป็นหุ้นที่ปลอดภัย ซึ่งช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นมายืนที่เหนือระดับ 29,000 จุด และทำสถิติพุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนก.ค.ปีนี้

สำหรับหุ้นในกลุ่มสินค้าผู้บริโภคนั้น หุ้นโคคา โคล่า พุ่งขึ้น 4.21% หุ้นเป๊ปซี่โค โค พุ่งขึ้น 2.95% หุ้นฟิลลิป มอร์ริส อินเตอร์เนชั่นแนล ปรับตัวขึ้น 1.21% หุ้นพรอคเตอร์ แอนด์ แกมเบิล (P&G) เพิ่มขึ้น 1.74%

ส่วนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคนำโดยหุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 4.68% หุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 1.42% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 2.88% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ ทะยานขึ้น 3.73%

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังคงได้รับแรงซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.93% หุ้น Nvidia ทะยานขึ้น 3.8% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 2.87% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.39% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 0.92%

หุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ารายใหญ่ของสหรัฐ ปิดลบ 0.57% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายทรุดตัวลง 35.1% ในไตรมาส 2 เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าลดลง 28.2% แม้ว่ายอดขายผ่านระบบออนไลน์พุ่งขึ้น 53%

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง แม้มีการเปิดเผยข้อมูลแรงงานที่อ่อนแอของสหรัฐ โดยออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐเพิ่มขึ้น 428,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค. แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.17 ล้านตำแหน่ง

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือนก.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 6.0% หลังจากเพิ่มขึ้น 6.4% ในเดือนมิ.ย. โดยได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะเพิ่มขึ้น 1.255 ล้านตำแหน่งในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดุลการค้าเดือนก.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนส.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนส.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ก.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top