CONSENSUS: โบรกฯเชียร์”ซื้อ” GPSC จากเติบโตพร้อมกลุ่มปตท.หนุนเพิ่มอัพไซด์ระยะยาว

โบรกเกอร์ แนะนำ”ซื้อ”หุ้นบมจ.โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ (GPSC) มองโอกาสการเติบโตจากการเป็นเรือธง (Flagship) ด้านธุรกิจไฟฟ้าและสาธารณูปโภคในเครือบมจ.ปตท. (PTT) ที่ยังมีการขยายการลงทุนต่อเนื่อง ช่วยเพิ่ม Upside ราคาหุ้นระยะยาว ขณะที่แนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/63 อยู่ในทิศทางที่ดีจากต้นทุนก๊าซธรรมชาติมีราคาต่ำ แม้อาจถูกกดดันจากการหยุดซ่อมบำรุงนอกแผนของโรงไฟฟ้า GLOW เฟส 5 ตั้งแต่เดือนมิ.ย. แต่ก็มีการทำประกันความเสียหายไว้บางส่วนซึ่งอาจได้รับเงินเคลมประกันเข้ามาในช่วงปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

ขณะที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลงสะท้อนปัจจัยลบดังกล่าวแล้ว รวมถึงยังปรับฐานตาม Sentiment เชิงลบของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าที่ปรับตัวลงก่อนหน้านี้แล้ว ประกอบกับราคาหุ้นยังมี Upside ค่อนข้างมากจากราคาพื้นฐาน จึงยังมีความน่าสนใจลงทุน

พักเที่ยงราคาหุ้น GPSC อยู่ที่ 63.25 บาท ลดลง 0.50 บาท หรือ 0.78% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย เพิ่มขึ้น 0.01%

 โบรกเกอร์คำแนะนำราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
หยวนต้า (ประเทศไทย)ซื้อ73.00
ฟิลลิป (ประเทศไทย)ซื้อ80.00
แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ซื้อ78.00
เอเซีย พลัสซื้อ91.00
เอเชีย เวลท์ซื้อ90.00
ยูโอบี เคย์เฮียนฯซื้อ85.00
ดีบีเอส วิคเคอร์สฯซื้อ85.00

นักวิเคราะห์บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า การที่ปตท.ปรับโครงสร้างธุรกิจไฟฟ้าด้วยการเข้าถือหุ้นเพิ่มใน GPSC เป็น 31.72% จากเดิม 22.81% นั้น ทำให้ GPSC มีความคล่องตัวในการลงทุนโครงการต่าง ๆ โดยเฉพาะโครงการที่จะร่วมกับกลุ่มปตท. อย่างโครงการ Gas to Power กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ (MW) ในเมียนมา ซึ่งคาดว่าจะได้รับหนังสือแจ้งให้เริ่มงาน (Notice to Proceed) จากรัฐบาลเมียนมาในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงการที่ปตท.วางเป้าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนถึง 8,000 เมกะวัตต์ ก็น่าจะทำให้ GPSC มีบทบาทหลักในส่วนนี้มากขึ้น

ส่วนการปิดซ่อมฉุกเฉินของโรงไฟฟ้า GLOW เฟส 5 นับตั้งแต่เดือนมิ.ย.63 นั้น เนื่องจากการชำรุดของเครื่องจักร คาดว่าจะกลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้งในเดือนต.ค.63 ขณะที่ GPSC หันไปจ่ายไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าอื่นที่มีประสิทธิภาพต่ำกว่าแทน ส่งผลให้กำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะลดลงราว 300-375 ล้านบาท แต่ GPSC จะได้รับเงินประกันชดเชยในภายหลัง ทำให้ยังคงประมาณการกำไรปกติในปี 63 ที่ 7.39 พันล้านบาท เติบโตราว 52.1% จากปีก่อน

ด้านราคาหุ้น GPSC ในปัจจุบันนับได้ว่าปรับฐานสะท้อนปัจจัยเชิงลบระยะสั้น ตาม Sentiment ของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และการหยุดซ่อมบำรุงฉุกเฉินของ GLOW เฟส 5 ไปแล้ว ทำให้เห็น Upside เพื่อการลงทุนในระยะยาวมากขึ้น ขณะที่ราคาปัจจุบันก็ยังมี Upside จากราคาพื้นฐานกว่า 40%

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มกำไรของ GPSC ในไตรมาส 3/63 ยังอยู่ในทิศทางที่ดี จากต้นทุนก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในโรงไฟฟ้านั้นมีราคาที่ต่ำ ประกอบกับลูกค้ากลุ่มปตท. และปิโตรเคมี คิดเป็น 35% และ 50% ของกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรม ซึ่งอยู่ที่ 1 ใน 4 ของรายได้ของ GPSC นั้นยังมีอัตรารับซื้อไฟฟ้าในสัดส่วน 70-80% ขณะที่กลุ่มลูกค้ายานยนต์ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 นั้น มีสัดส่วนเพียง 2% เท่านั้น

บทวิเคราะห์บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่ากำไรของ GPSC ในครึ่งแรกของปีนี้ทำได้ 53% ของคาดการณ์ทั้งปี ทำให้ยังคงประมาณการเดิม เพราะมองว่าผลกระทบเชิงลบกรณีหยุดซ่อมบำรงโรงไฟฟ้า GLOW เฟส 5 นอกแผนตั้งแต่เดือนมิ.ย.63 และคาดว่าจะกลับมาผลิตได้อีกครั้งในเดือนต.ค.63 นั้น จะกระทบต่อกำไรในครึ่งหลังของปีนี้ราว 300 ล้านบาท และการปรับลดค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) 0.83 สตางค์/หน่วย ในเดือนก.ย.-ธ.ค.63 จะกระทบราว 30 ล้านบาท ก็จะสามารถชดเชยได้จากการเริ่มรับรู้รายได้จากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโรงไฟฟ้า NNEG ส่วนต่อขยาย 18 เมกะวัตต์ และการเข้าสู่ไฮซีซั่นของปริมาณน้ำในไตรมาส 3 ของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ขณะที่ต้นทุนถ่านหิน และก๊าซฯที่ต่ำลง โดยผู้บริหารคาดว่าราคาก๊าซฯช่วงครึ่งปีหลังจะลดลง 10% จากงวดปีก่อน หรือราว 25-27 บาท/ล้านบีทียู ทำให้คาดว่าจะลดต้นทุนลงได้ 400 ล้านบาท

สำหรับการหยุดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้า GLOW เฟส 5 นั้น ก็มีการประกันภัยค่าความเสียหายส่วนเกิน 50 ล้านบาท และค่าเสียโอกาสทางธุรกิจส่วนเกิน 60 วัน ซึ่งจะเข้ามาลดผลกระทบได้ โดยเงินเคลมประกันอาจเข้ามาปลายปีนี้ถึงต้นปีหน้า

นอกจากนี้ระยะยาว GPSC ยังเป็นหุ้นพื้นฐานแข็งแกร่ง โครงสร้างเงินทุนมั่นคงด้วยสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ต่ำ 1.1 เท่า เทียบกับคู่แข่งที่ 2-3 เท่า นอกจากนี้ยังมีการเติบโตในอนาคตที่มั่นใจได้เพราะเป็น Flagship ด้านไฟฟ้าและสาธารณูปโภคในเครือปตท. ซึ่งเชื่อว่าจะมีการทุ่มทรัพยากรเพื่อสนับสนุนการเติบโตในธุรกิจไฟฟ้าให้สอดคล้องกับเทรนด์พลังงานของโลก รวมทั้งโอกาสเติบโตไปพร้อมการขยายการลงทุนของกลุ่มด้วย ทำให้มองว่าการปรับฐานระยะสั้นของราคาหุ้นจึงเป็นจังหวะทยอยสะสมเพื่อรับการเติบโตระยะยาว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ก.ย. 63)

Tags: , , , , , , , , , , , , , , , , , ,
Back to Top