เงินบาทเปิด 31.13 ต่อดอลล์ ทรงตัวจากวานนี้

หลังมติเฟดเป็นไปตามตลาดคาด-ส่งสัญญาณคงดบ.ยาว

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 31.13 บาท/ดอลลาร์ ใกล้เคียงจากช่วงเย็นวานนี้ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.11/12 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้ทรงตัวจากระดับปิดท้ายตลาดเมื่อวาน ขณะที่เมื่อคืนนี้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยืนยันว่าจะตรึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไปอีกอย่างน้อย 3 ปี จนถึงปี 2023 ซึ่งถือว่าไม่ได้เป็นการเซอร์ไพร์สตลาด เพราะการที่เฟดปรับมาใช้แนวทางการกำหนดเป้าหมายเงินเฟ้อเฉลี่ยนั้น ก็จะทำให้อัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำนานกว่าที่ประเมิน

อย่างไรก็ดี วันนี้ต้องรอดูผลการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ซึ่งในส่วนของดอกเบี้ยเชื่อว่าทั้ง 2 แห่ง จะยังคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่ในส่วนของธนาคารอังกฤษ ต้องจับตาดูว่าจะมีการให้ความเห็นต่อสถานการณ์ Brexit อย่างไร

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.00-31.20 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (16 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.28552% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.31990%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 105.09 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 105.17/22 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1764 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.1876/1879 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.1720 บาท/ดอลลาร์
  • บสย.ประเมินหนี้เสียเอสเอ็มอี อาจพุ่ง10%หรือ 2 แสนล้านบาท หลังพ้นระยะพักหนี้ ในสิ้นก.ย.นี้ แนะใช้แนวทางฟื้นฟูตามกฎหมายล้มละลาย ฉบับที่ 9เพื่อให้ลูกหนี้มีระยะเวลาในการฟื้นฟูและชำระหนี้ในอีก 3 ปีข้างหน้า
  • “สำนักงบประมาณ” ผวาความไม่แน่นอนทางการเมืองรุนแรงหนักถึงขั้นยุบสภา หวั่นกระทบงบประมาณปี 2564 สะดุด ก่อนร่อนหนังสือเปิดทาง ส่วนราชการใช้กรอบงบประมาณปี 2563 ไปพลางก่อน
  • นักกลยุทธ์เศรษฐศาสตร์มหภาค บมจ.หลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การเลือกตั้งสหรัฐ วันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ถือเป็นเหตุการณ์สำคัญ (Key Event) ที่นักลงทุนต้องติดตาม นอกเหนือจะเป็นวันชี้ชะตาว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อได้อีกวาระหรือไม่ ยังเป็นวันที่จะเกิดความชัดเจนในนโยบายสำคัญหลายด้านของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ การค้า นโยบายต่างประเทศ ที่ล้วนส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งแนวทางการดำเนินนโยบายของทั้งนายโดนัลด์ ทรัมป์ และนายโจ ไบเดน น่าจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือพลิกฟื้นเศรษฐกิจ และมุ่งการกลับมายิ่งใหญ่ของประเทศสหรัฐภายใต้รายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกัน
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเล็กน้อยเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) ก่อนที่นักลงทุนจะรู้ผลการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) โดยตลาดทองคำนิวยอร์กปิดทำการซื้อขายก่อนที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) จะแถลงผลการประชุม
  • คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และส่งสัญญาณว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยจนถึงปี 2566 โดยเฟดมีมุมมองที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ โดยคาดว่าเศรษฐกิจจะหดตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้านี้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 3.7% ในปีนี้ จากเดิมที่คาดว่าจะหดตัว 6.5% ก่อนที่จะมีการขยายตัว 4% ในปี 2564 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 5% และจะขยายตัว 3% ในปี 2565 จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 3.5% และจะขยายตัว 2.5% ในปี 2566 ขณะเดียวกันยังปรับเพิ่มคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ โดยคาดว่าปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 1.2% และอยู่ที่ระดับ 1.7%, 1.8% และ 2.0% ในปี 2564, 2565 และ 2566 ตามลำดับ ส่วนอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2.0%
  • ประธานาธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมนโยบายการเงินในวันพุธตามเวลาสหรัฐว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ในเบื้องต้น แต่กิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับต่ำกว่าช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และทิศทางเศรษฐกิจในวันข้างหน้ายังคงมีความไม่แน่นอนที่สูงมาก

นอกจากนี้ ยังระบุว่า การเพิ่มมาตรการสนับสนุนด้านการคลังยังคงจำเป็นต่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เนื่องจากอัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก และธุรกิจขนาดเล็กยังคงเผชิญกับความยากลำบาก ในขณะที่รัฐบาลท้องถิ่นก็ยังคงเผชิญกับภาวะตึงตัวด้านการเงิน

  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 4 แต่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะพุ่งขึ้น 1.1% หลังจากทะยานขึ้น 1.2% ในเดือนก.ค.
  • ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (16 ก.ย.) หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ และปรับเพิ่มคาดการณ์แนวโน้มเศรษฐกิจ
  • ข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนส.ค., ดัชนีการผลิตเดือนก.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนส.ค.จาก Conference Board

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top