เงินบาทเปิด 30.97/31.00 ต่อดอลล์ แข็งค่าสุดรอบ 3 เดือน

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.97/31.00 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 31.06 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้น โดยระดับเปิดที่ 30.97 บาท/ดอลลาร์ ถือว่าแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือน และเป็นการแข็งค่านำสกุลเงินอื่นในภูมิภาค เชื่อว่าส่วนหนึ่งน่าจะมาจากปัจจัยภายในประเทศที่การชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีเหตุการณ์รุนแรง

“บาทเช้านี้ถือว่าแข็งค่าสุดในรอบ 3 เดือน น่าจะมาจากที่ปัจจัยการเมืองช่วงวันหยุด ที่การชุมนุมไม่ได้มีเหตุความวุ่นวายอะไร ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ทางเฟดเองมองว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะเริ่มฟื้นในไตรมาส 3”

นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทยังมีแนวโน้มแข็งค่า มองกรอบไว้ที่ 30.95-31.10 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (18 ก.ย.) อยู่ที่ระดับ 0.28653% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.33421%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.41/42 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 104.32 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1854/1858 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1847 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.137 บาท/
    ดอลลาร์
  • ธนาคารกสิกรไทย ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทสำหรับสัปดาห์นี้ (21-25 ก.ย.) ที่ 30.80-31.30 บาท/ดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยสำคัญในประเทศ ได้แก่ สถานการณ์ทางการเมือง ผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 23 ก.ย. และตัวเลขการส่งออกเดือนส.ค.
  • การชุมนุมใหญ่ ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.63 ได้ยุติลงตามเวลาที่กำหนดและประกาศสลายการชุมนุม แต่โดยภาพรวมของสถานการณ์การเมืองเวลานี้ ดูเหมือนจะยกระดับความร้อนแรงมากขึ้น ภายหลังจากที่ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้ประกาศนัดชุมนุมครั้งต่อไปคือที่หน้ารัฐสภาในวันที่ 24 ก.ย.63 ที่จะมีพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และวันที่ 14 ต.ค.63 นับเป็นปัจจัยเสี่ยงหลักกดดันบรรยากาศการลงทุน และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะสร้างผลกระทบเชิงลบต่อความเชื่อมั่นของกลุ่มผู้ลงทุนต่างชาติและนักลงทุนสถาบันในประเทศ
  • ส.อ.ท.เผยข้อเสนอ 9 ประเด็นฟื้นธุรกิจ ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หวังให้ที่ประชุมศบศ.พิจารณาเพื่อเร่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งยืดชำระเงินกู้ 2 ปี สนับสนุนสินค้าไทยเป็นวาระแห่งชาติ ขยายระยะเวลา ผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากบีโอไอ ออกไปอีก 2 ปี โดยยังคงสิทธิประโยชน์ทางภาษี และเงินลงทุนเดิมไว้
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเยนเป็นวันที่ 5 ติดต่อกันแล้ว และเยนแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนยังคงเข้าซื้อเยนในฐานะสกุลเงินปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในยุโรป และสหรัฐยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจามาตรการกระตุ้นด้านการคลังเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจจากผลกระทบของโรคระบาดดังกล่าว
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค. เพิ่มขึ้น 12.2 ดอลลาร์ หรือ 0.63% ปิดที่ 1,962.1 ดอลลาร์/ออนซ์ และในรอบสัปดาห์นี้ สัญญาทองคำปรับตัวขึ้น 0.7% โดยสัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อวันศุกร์ (18 ก.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงช่วยหนุนราคาทองด้วย
  • ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ประเภท 1 ปี ไว้ที่ระดับ 3.85% ในวันนี้ และคงอัตราดอกเบี้ย LPR ประเภท 5 ปี ไว้ที่ระดับ 4.65% โดยธนาคารกลางจีนได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยทั้งสองประเภทติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 และสอดคล้องกับที่ตลาดคาดการณ์ไว้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ก.ย. 63)

Tags: , ,
Back to Top