SK เปิดชื่อ MFC -ยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม จองซื้อ IPO พร้อมเทรดวันแรกพรุ่งนี้

นายกิตติพันธ์ ภูษณวรรณ กรรมการผู้จัดการอาวุโส บล.โกลเบล็ก ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบมจ. ศิรกร (SK) กล่าวว่า จากความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ส่งผลให้กระแสตอบรับในการจองซื้อหุ้นประสบความสำเร็จเกินคาด ล่าสุด ปรากฏรายชื่อกลุ่มนักลงทุนที่เข้ามาซื้อหุ้น SK

ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.)เอ็มเอฟซี (MFC) จำนวน 20,000,000 หุ้น และนายยรรยง พันธุ์วงศ์กล่อม จำนวน 5,000,000 หุ้น จากหุ้น IPO ทั้งหมด 115,348,120 หุ้น

สาเหตุที่กลุ่มนักลงทุนดังกล่าวเข้ามาลงทุน เนื่องจาก SK เป็นหุ้นที่มีศักยภาพและพื้นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง และมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลต่อเนื่อง โดยจะเห็นจากในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีความสามารถในการจ่ายปันผลไปแล้วกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่านโยบายปันผลของบริษัทฯที่จ่ายไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ ประกอบกับหากพิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 8 เท่า ในขณะปัจจุบัน P/E Ratio ของบริษัทเทียบเคียงอยู่ที่ 11.38 เท่า ซึ่งต่ำกว่ากลุ่มอย่างมาก

ด้านนายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เปิดเผยในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SK จะเข้าซื้อขาย ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในหมวดวัสดุก่อสร้าง วันพรุ่งนี้ (8 ต.ค.) โดยเชื่อว่าหุ้นดังกล่าว จะได้การตอบรับที่ดีจากนักทุน เนื่องจาก “ศิรกร”เป็นหุ้นที่มีศักยภาพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ มีโรงงานผลิตและจัดจำหน่ายคอนกรีตอัดแรง 6 แห่ง ที่สามารถกระจายการรองรับ และขยายงานได้ครอบคลุมพื้นที่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ

ประกอบกับการที่กลุ่มบริษัทฯมีประสบการณ์ในกลุ่มอุตสาหกรรม ยาวนานกว่า 30 ปี ยิ่งเป็นเครื่องการันตี ที่สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพความเชื่อมั่นของกลุ่มลูกค้า ทั้งภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จนเป็นที่ยอมรับ ในการเข้าประมูลงานของทุกภาคส่วนได้อย่างต่อเนื่อง

“แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯได้รับผลกระทบในการเรื่องการส่งมอบของ ซึ่งเป็นผลจากมาตรการล็อกดาวน์ (Lockdown) แต่ก็เชื่อมั่นว่าในครึ่งปีหลังภาพรวมของบริษัทฯจะกลับมาฟื้นตัวเช่นเดิม เนื่องจากยังมีงานที่รอการส่งมอบอีกกว่า 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่างานในมือ (Backlog) เกือบ 160 ล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้เกือบทั้งหมดภายในปีนี้”

อีกทั้ง ณ สิ้นไตรมาส 2/2563 มีอัตราหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยต่อทุนเพียง 0.17 เท่า ทำให้เห็นถึงสภาพคล่อง และความแข็งแกร่งทางการเงินของบริษัทฯ

ทั้งนี้ ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน มองว่า หุ้น SK จะเป็นหนึ่งใน Growth Stock ที่สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน เนื่องบริษัทฯมีศักยภาพในขยายการลงทุนเพื่อต่อยอดการเติบโตในอนาคต และยังสำคัญ SK มีโอกาสการเติบโตตามนโยบายโครงสร้างพื้นฐาน ด้านอุตสาหกรรมพลังงาน จากการลงทุนของภาครัฐบาล เพราะ SK เป็นผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตอัดแรง และให้บริการรับเหมาก่อสร้างสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้าและงานรับเหมาก่อสร้างโยธา เฉพาะทาง ที่ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานได้ชัดเจน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (7 ต.ค. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top