สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นายออง ยี กุง รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของสิงคโปร์ เปิดเผยว่า สิงคโปร์จะติดตั้งห้องปฏิบัติการโควิด-19 ภายในท่าอากาศยานชางงี ในอีก 2-3 เดือนข้างหน้า โดยเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเพื่อเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติอีกครั้ง และฟื้นฟูอุตสาหกรรมการบิน
นายอองกล่าวว่า การทดสอบโควิด-19 คือกุญแจสำคัญในการปลดล็อกการเดินทางทางอากาศ พร้อมทั้งคาดว่าโควิด-19 จะคงอยู่ไปอีกสักระยะ และการทดสอบโควิด-19 ก่อนขึ้นเครื่องจะเป็นหลักปฏิบัติสากล
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ชี้ว่า สิงคโปร์สามารถเปิดพรมแดนได้และไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการกักกันตัว 14 วัน แต่ใช้วิธีตรวจโรคแทน โดยขณะนี้สิงคโปร์มีความสามารถตรวจโรคอยู่ที่ 27,000 คนต่อวัน และคาดว่าจะเพิ่มแตะ 40,000 คนต่อวัน ภายในเดือนพ.ย.นี้
นอกเหนือไปจากช่องทางด่วน ซึ่งอนุญาตเฉพาะผู้เดินทางที่เป็นเจ้าพนักงาน ข้าราชการ และนักธุรกิจแล้ว สิงคโปร์ยังวางแผนจะทำข้อตกลงการเดินทาง (travel bubble) กับกลุ่มประเทศและภูมิภาคที่มีระบบเฝ้าระวังสาธารณสุขที่ครอบคลุมและมีอัตราผู้ติดเชื้อต่ำด้วย
ปัจจุบันท่าอากาศยานชางงีรองรับผู้โดยสารเพียง 1.5% ของปริมาณผู้โดยสารปกติในช่วงก่อนการแพร่ระบาด และเปิดให้บริการเที่ยวบินเพียง 17% ของจำนวนเที่ยวบินทั้งหมด ทั้งยังตกจากอันดับ 7 ของโลกลงไปอยู่อันดับ 58 ของท่าอากาศยานที่มีการหมุนเวียนของผู้โดยสารพลุกพล่านมากที่สุดด้วย
นายอองกล่าวว่า “เราจำเป็นต้องดำเนินการเชิงรุกเพื่อฟื้นฟูการเป็นศูนย์กลางการบินของท่าอากาศยานชางงี ซึ่งถือเป็นพันธกิจสำคัญสุดของประเทศ”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (7 ต.ค. 63)
Tags: COVID-19, การเดินทางระหว่างประเทศ, ท่าอากาศยานชางงี, สนามบิน, สิงคโปร์, ห้องแล็บ, ออง ยี กุง, อุตสาหกรรมการบิน, โควิด-19