ดาวโจนส์ปิดร่วง 222.19 จุด วิตกแผนกระตุ้นศก.ไม่คืบก่อนวันเลือกตั้ง

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ (27 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลหลังจากโฆษกทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า รัฐบาลสหรัฐและพรรคเดโมแครตอาจไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ก่อนวันเลือกตั้งประธานาธิบดี อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนที่บริษัทรายใหญ่อย่างไมโครซอฟท์และแอปเปิลจะเปิดเผยผลประกอบการ

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,463.19 จุด ลดลง 222.19 จุด หรือ -0.80%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,390.68 จุด ลดลง 10.29 จุด หรือ -0.30%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 11,431.35 จุด เพิ่มขึ้น 72.41 จุด หรือ +0.64%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงกดดัน หลังจากนางเคย์ลีจ์ แมคเอนนานี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวยอมรับว่า รัฐบาลและพรรคเดโมแครตคงไม่สามารถบรรลุข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ทันก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 3 พ.ย.

ทั้งนี้ นางแมคเอนนานีตำหนินางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐที่เรียกร้องมากเกินไป โดยกล่าวว่า “โอกาสริบหรี่ลงเมื่อมีคนอย่างแนนซี เพโลซี มาทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งเมื่อคุณพิจารณาข้อเสนอของพวกเขา ข้อเสนอเหล่านี้ก็ยังคงค้างคาอยู่”

นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้รับปัจจับลบจากความกังวลเกี่ยวกับจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นทั้งในสหรัฐและทั่วโลก โดยข้อมูลล่าสุดจาก Worldometer ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกขณะนี้อยู่ที่ 43,847,616 ราย และยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 1,165,469 ราย ขณะที่สหรัฐยังคงมียอดผู้ติดเชื้อสูงสุดในโลก โดยอยู่ที่ 8,962,783 ราย และมียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดในโลก โดยอยู่ที่ 231,045 ราย

ดัชนีหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง 2.2% หลังจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างแคทเธอร์พิลลาร์เปิดเผยกำไรทรุดตัวลงในไตรมาส 3 โดยหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 3.15% หุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 3.46% หุ้น 3M ร่วงลง 3.12% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ดิ่งลง 3.92% หุ้นเอเมอร์สัน อิเล็กทริก ลบ 1.2% หุ้นเรย์เธียน เทคโนโลยีส์ ดิ่งลง 7.04%

ทั้งนี้ แคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องมือก่อสร้างขนาดใหญ่ที่สุดในโลก เปิดเผยตัวเลขกำไรทรุดตัวลง 54% และยอดขายดิ่งลง 23% ในไตรมาส 3 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งได้ฉุดอุปสงค์ในภาคก่อสร้างและเหมืองแร่

หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทยาใหญ่สุดของสหรัฐ ร่วงลง 1.29% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 3 ที่ระดับ 1.213 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.231 หมื่นล้านดอลลาร์ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทราว 500 ล้านดอลลาร์

หุ้น Eli Lilly & Co ซึ่งเป็นบริษัทยาของสหรัฐ ดิ่งลง 6.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาดในไตรมาส 3

อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก เนื่องจากนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อเข้าหนุนหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ก่อนที่บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จะเปิดเผยผลประกอบการ โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ดีดตัวขึ้น 1.5% หุ้นแอมะซอนดอทคอม พุ่งขึ้น 2.47% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 1.35% หุ้นอัลฟาเบท บวก 0.9% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.23%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป พุ่งขึ้น 1.9% ในเดือนก.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5%

ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐร่วงลงสู่ระดับ 100.9 ในเดือนต.ค. จากระดับ 101.3 ในเดือนก.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 102.0 โดยดัชนีความเชื่อมั่นร่วงลงจากการที่ผู้บริโภคมีความวิตกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/2563 (ประมาณการเบื้องต้น), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนก.ย., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top