ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 423.45 จุด ตลาดจับตาผลเลือกตั้งสหรัฐ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (2 พ.ย.) ขณะที่นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันอังคารที่ 3 พ.ย.ตามเวลาสหรัฐ อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดบวกเพียงเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 26,925.05 จุด เพิ่มขึ้น 423.45 จุด หรือ +1.60%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,310.24 จุด เพิ่มขึ้น 40.28 จุด หรือ +1.23%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 10,957.61 จุด เพิ่มขึ้น 46.02 จุด หรือ +0.42%

นักลงทุนจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างใกล้ชิด โดยแม้ผลสำรวจของทุกสำนักต่างระบุตรงกันว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะพ่ายแพ้ต่อนายโจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต ในการเลือกตั้งครั้งนี้ แต่คะแนนเสียงจากผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจ และคะแนนเสียงจากหลายรัฐที่ไม่ใช่ฐานเสียงของทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน อาจเป็นปัจจัยชี้ขาดผลการเลือกตั้งครั้งนี้

นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในกลุ่มต่างๆเป็นวงกว้าง ก่อนที่จะรู้ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงาน กลุ่มวัสดุ และกลุ่มอุตสาหกรรม ต่างก็พุ่งขึ้นกว่า 2.7% ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มธนาคารดีดตัวขึ้น 2.27%

ทั้งนี้ หุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 4.20% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 3.81% หุ้นโบอิ้งพุ่งขึ้น 2.92% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 3.96% หุ้น 3M บวก 1.95% หุ้นฟรีพอร์ท-แมคมอร์แรน พุ่งขึ้น 5.19% ส่วนหุ้นในกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นเจพีมอร์แกน พุ่งขึ้น 2.25% หุ้นซิตี้กรุ๊ป บวก 1.93% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ปรับตัวขึ้น 1.6%

หุ้นเอสเต้ ลอเดอร์ ผู้ผลิตเครื่องสำอางรายใหญ่ ดีดตัวขึ้น 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากยอดขายผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ซึ่งเป็นปัจจัยที่สกัดแรงบวกของดัชนี Nasdaq โดยหุ้นแอมะซอนดอทคอม ร่วงลง 1.04% หุ้นทวิตเตอร์ ดิ่งลง 4.55% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ร่วงลง 1.25% หุ้นเฟซบุ๊ก ปรับตัวลง 0.67%

นอกเหนือจากผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว นักลงทุนยังจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 4-5 พ.ย. หลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเพียงวันเดียว และการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งขึ้นสู่ระดับ 59.3 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 55.8 จากระดับ 55.4 ในเดือนก.ย.

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. หลังจากเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนส.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างจะดีดตัวขึ้น 1.0% ในเดือนก.ย.

ทางด้านไอเอชเอส มาร์กิต เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 53.4 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.ปีที่แล้ว จากระดับ 53.2 ในเดือนก.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนก.ย., ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนต.ค.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนก.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนต.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนต.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนต.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 พ.ย. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top