จีนชี้ทางออกเศรษฐกิจโลกหลังโควิด แนะต้องร่วมมือและเปิดกว้าง

นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน ชี้การส่งเสริมความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย และการเปิดกว้างของทุกฝ่าย จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 ได้

ถ้อยแถลงของผู้นำจีนมีขึ้นในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ผ่านวิดีโอลิงก์ เนื่องในพิธีเปิดมหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน (China International Import Expo: CIIE) เมื่อวันพุธที่ผ่านมา โดยปธน.สีกล่าวว่า โควิด-19 เป็นเครื่องย้ำเตือนว่าทุกประเทศล้วนเชื่อมโยงกันเป็นประชาคมที่มีอนาคตร่วมกัน ไม่มีประเทศไหนรอดตัวท่ามกลางวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ และนานาประเทศต้องร่วมมือกันในฐานะพันธมิตร โดยที่แต่ละประเทศต้องรับผิดชอบหน้าที่ของตัวเอง

“เราต้องส่งเสริมความร่วมมือเพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย” ปธน.สีกล่าว พร้อมกับย้ำว่า ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันและความร่วมมือคือคำตอบในการรับมือกับความท้saทายต่างๆ

ข้อมูลจากทางการระบุว่า จีนฟื้นตัวจากโควิดรวดเร็วที่สุดในบรรดาประเทศเศรษฐกิจใหญ่ทั่วโลก โดยในช่วงสามไตรมาสแรกของปีนี้ เศรษฐกิจจีนขยายตัว 0.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ขณะที่เศรษฐกิจทั่วโลกถดถอย นอกจากนี้ ยอดนำเข้าและส่งออกของจีนยังมีการขยายตัวเมื่อเทียบรายปีในช่วงเวลาดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ปธน.สียังได้กล่าวถึงบทบาทของงานมหกรรม CIIE ในการส่งเสริมความร่วมมือและเปิดกว้าง โดยระบุว่า CIIE เป็นเวทีสำคัญสำหรับการจัดซื้อ การส่งเสริมการลงทุน การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม และการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศ ที่เปิดกว้างให้เกิดการแลกเปลี่ยนทั่วโลก

ทั้งนี้ มหกรรม CIIE จัดขึ้นครั้งแรกในปี 2561 และนำไปสู่การทำสัญญาซื้อขายสินค้าและบริการมูลค่า 5.783 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่สัญญาจากประเทศที่เข้าร่วมโครงการ Belt and Road มีมูลค่า 4.7 พันล้านดอลลาร์ ส่วนมูลค่าการซื้อขายในมหกรรม CIIE ครั้งที่สองเพิ่มขึ้น 23% สู่ระดับ 7.113 หมื่นล้านดอลลาร์

สำหรับมหกรรม CIIE ปีนี้มีผู้เข้าร่วมงานอย่างคับคั่งทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ซึ่งรวมถึงบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมและบริษัทที่ติดทำเนียบ Fortune 500 เกือบ 50 แห่ง

ปธน.สีกล่าวว่า การจัดมหกรรม CIIE ครั้งที่สาม แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาจากใจจริงของจีนในการแบ่งปันโอกาสในตลาดร่วมกับประชาคมโลก และผลักดันการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก

นอกจากนี้ ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ดังกล่าว ปธน.สียังได้ประกาศมาตรการใหม่ๆ เพื่อยกระดับการเปิดกว้างด้วย โดยเขาเปิดเผยว่า จีนจะประกาศรายชื่อธุรกิจที่ไม่อนุญาตให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน (negative list) แต่ยังคงมีการเปิดกว้างมากขึ้นในหลายๆ ด้าน เช่น เศรษฐกิจดิจิทัลและอินเทอร์เน็ต นอกจากนี้ จีนจะหาวิธีการที่สร้างสรรค์เพื่อขยายการค้าระหว่างประเทศด้วย

เขากล่าวเสริมว่า จีนพร้อมลงนามข้อตกลงการค้าเสรีมาตรฐานสูงร่วมกับประเทศต่างๆ ทั่วโลก และจีนจะเดินหน้าสู่การลงนามขั้นแรกในความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ตลอดจนเร่งเจรจาความตกลงด้านการลงทุนจีน-อียู และข้อตกลงการค้าเสรีจีน-ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 63)

Tags: , , ,
Back to Top