CKP เผย Q3/63 พลิกเป็นกำไรหลังพ้นหน้าแล้ง,เล็งออกหุ้นกู้ 4 พันลบ.ปลายพ.ย.

นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ซีเค พาวเวอร์ (CKP) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/63 พลิกเป็นกำไรตามคาด หลังจากขาดทุนในไตรมาส 2/63 ที่รายได้ลดลงจากปริมาณน้ำที่ใช้ผลิตไฟฟ้าลดลงในช่วงฤดูแล้ง

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/63 มีรายได้รวม 2,131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,001.5 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 129.5 ล้านบาท คิดเป็น 6.5% และคิดเป็นกำไรสุทธิที่เป็นของ CKP จำนวน 831.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.3 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 798 ล้านบาท

สำหรับรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากน้ำงึม 2 มีปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 405.2 ล้านหน่วย จากช่วงเดียวกันของปี 62 ที่มีปริมาณการขายไฟฟ้า 299.3 ล้านหน่วย หรือ เพิ่มขึ้น 105.9 ล้านหน่วย คิดเป็น 35.4% ส่วนปริมาณน้ำที่ไหลเข้าโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 เพิ่มจาก 2,220 ล้านลบ.ม. ในปี 62 เป็น 2,386 ล้านลบ.ม. เพิ่มขึ้น 7.5%

ในส่วนของกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนของโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี ที่มีการดำเนินงานเต็มไตรมาส ทำให้มีปริมาณการขายไฟฟ้ารวม 2,314 ล้านหน่วย คิดเป็นรายได้ 4,483 ล้านบาท โดยมีปริมาณน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ย 4,200 ล้าน ลบ.ม. ต่อวินาที เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 62 ที่มีน้ำไหลผ่านโรงไฟฟ้าเฉลี่ย 2,994 ล้าน ลบ.ม.ต่อวินาที สูงกว่าค่าเฉลี่ยของปีก่อนประมาณ 40%

ขณะเดียวกันโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ที่ 1 (BIC-1) และ 2 (BIC-2) ยังคงเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้อย่างต่อเนื่องตามปกติ เนื่องจากยังไม่มีแผนหยุดเดินเครื่องเพื่อซ่อมบำรุงใหญ่ในปีนี้ ส่วนโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ 9 แห่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตามเป้าเต็มกำลังการผลิตเช่นกัน

ส่วนงวด 9 เดือนของปีนี้ มีรายได้รวม 5,724 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 6,731 ล้านบาท โดยลดลง 1,007 ล้านบาท หรือ 15% สาเหตุหลักมาจากการประกาศจ่ายไฟฟ้าด้วยความระมัดระวังของโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำงึม 2 ทำให้ในครึ่งปีแรกของปี 63 ขายไฟฟ้าได้น้อยกว่าครึ่งปีแรกของปี 62 บวกกับค่าก๊าซของ BIC ต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 7% แต่บริษัทยังสามารถทำกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัทจำนวน 397 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิที่เป็นของบริษัท 257 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 140 ล้านบาท คิดเป็น 55% สาเหตุมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในโรงไฟฟ้าไซยะบุรีที่ 231 ล้านบาท โดยไซยะบุรีมีรายได้จากการขายไฟฟ้าช่วง 9 เดือนของปี 63 รวม 8,942 ล้านบาท คิดเป็นปริมาณการขายไฟฟ้า 4,654.4 ล้านหน่วย

“เนื่องจากตั้งแต่ปลายไตรมาส 2 ของปีนี้ มีพายุและฝนตกต่อเนื่องในสปป.ลาว ทำให้ปริมาณน้ำที่ไหลเข้าอ่างเก็บน้ำโรงไฟฟ้าพลังน้ำ น้ำงึม 2 มีปริมาณเพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่ใช้ผลิตไฟฟ้าสำหรับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี อยู่ในระดับที่เพียงพอและเป็นที่น่าพอใจต่อการขายไฟฟ้าในช่วงเดือนแรกของไตรมาส 4 ที่ผ่านมาและคาดว่าสถานการณ์น้ำจะอยู่ในระดับที่น่าพอใจต่อเนื่องไปในปี 2564 ดังนั้น คาดว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

นายธนวัฒน์กล่าว

นายธนวัฒน์ กล่าวอีกว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิไม่มีประกันวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาท ในช่วงปลายเดือน พ.ย.นี้ เพื่อนำมาใช้ในการดำเนินงานและลงทุนโครงการใหม่ที่อยู่ระหว่างการเจรจา

เมื่อเร็วๆ นี้ ทริสเรทติ้งได้จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ดังกล่าวที่ระดับ “A-” แนวโน้มคงที่ ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรของ CKPower ที่ระดับ “A” แนวโน้ม คงที่ (Stable)

ทริสฯ ระบุว่าอันดับเครดิตของ CKP สะท้อนผลงานในการพัฒนาและดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ และกระแสเงินสดรับที่คาดว่าจะได้จากสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ได้รับอันดับเครดิต “AAA/Stable” อีกทั้ง บริษัทมีประวัติการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ โดยในสิ้นไตรมาส 3/63 บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายประมาณ 2,700 ล้านบาทหรืออัตรา EBITDA Margin ที่ 47% และมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.62 เท่า

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ย. 63)

Tags: , , , , ,
Back to Top